จำนวนชิ้น | ส่วนลดต่อชิ้น | ราคาสุทธิต่อชิ้น |
{{(typeof focus_pdata.price_list[idx+1] == 'undefined')?('≥ '+price_row.min_quantity):((price_row.min_quantity < (focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1))?(price_row.min_quantity+' - '+(focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1)):price_row.min_quantity)}} | {{number_format(((focus_pdata.price_old === null)?focus_pdata.price:focus_pdata.price_old) - price_row.price,2)}} บาท | {{number_format(price_row.price,2)}} บาท |
คงเหลือ | 40 ชิ้น |
จำนวน (ชิ้น) |
- +
|
ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า คุณมีสินค้าชิ้นนี้ในตะกร้า 0 ชิ้น
|
|
|
|
คุยกับร้านค้า | |
{{ size_chart_name }} |
|
หมวดหมู่ | ไทยศึกษา |
สภาพ | สินค้าใหม่ |
เพิ่มเติม | |
สภาพ | สินค้ามือสอง |
เกรด | |
สถานะสินค้า | |
ระยะเวลาจัดเตรียมสินค้า | |
เข้าร่วมโปรโมชั่น | |
ช่องทางชำระเงิน | ![]() |
ไฮไลท์ |
หนังสือ 'ผู้ไร้พื้นที่: ชีวิตประจำวันของราษฎรมณฑลพายัพ และการตอบโต้ในพื้นที่อาณานิคมสยาม (พ.ศ. 𝟐𝟒𝟏𝟔-𝟐𝟒𝟕𝟓)'
ของภิญญพันธุ์ พจนะลาวัณย์
ขนาดหนังสือ กว้าง 𝟏𝟒.𝟑 𝐱 สูง 𝟐𝟏 𝐜𝐦. สัน 𝟏𝟔 𝐦𝐦.
เข้าเล่มปกอ่อนจำนวน 𝟐𝟕𝟐 หน้า
_____________________________
จาก “ผู้ไร้เสียง” สู่ “ผู้ไร้พื้นที่”
ในโลกวิชาการหลังอาณานิคม (postcolonial studies) หนึ่งในคำที่ถูกหยิบมาพูดซ้ำมากที่สุดคือคำว่า subaltern ซึ่ง รณชิต คูหา (Ranajit Guha) และกลุ่มการศึกษาผู้อยู่ในสถานะรอง (Subaltern Studies) ใช้เพื่ออธิบายผู้คนที่ถูกกดทับในสังคมอาณานิคมว่า พวกเขาคือผู้ที่ “ไร้เสียง” (the voiceless) ที่ไม่สามารถบันทึกความทรงจำของตนเองลงในประวัติศาสตร์กระแสหลักได้
ในหนังสือ “ผู้ไร้พื้นที่: ชีวิตประจำวันของราษฎรมณฑลพายัพ และการตอบโต้ในพื้นที่อาณานิคมสยาม (พ.ศ. 2416-2475)” โดย ภิญญพันธุ์ พจนะลาวัณย์ ได้ยกระดับความหมายไปอีกขั้น โดยแทนที่จะพูดถึง “ผู้ไร้เสียง” ภิญญพันธุ์เสนอให้มองว่า สิ่งที่ถูกพรากในมณฑลพายัพนั้นไม่ใช่เสียง แต่เป็น “พื้นที่”
พื้นที่ในที่นี้ไม่ใช่แค่เรื่องของแผนที่หรือภูเขาแม่น้ำในเชิงภูมิศาสตร์ แต่หมายถึง “สนามของอำนาจและการต่อรอง” ตั้งแต่พื้นที่ชีวิตประจำวัน พื้นที่ของการเมือง ไปจนถึงพื้นที่เชิงวัฒนธรรมและความทรงจำ ผู้คนจำนวนมากถูกทำให้ “ไร้พื้นที่” โดยกลไกของรัฐและโครงสร้างทางอำนาจ ทั้งการจัดเก็บภาษี แรงงานบังคับ การผูกขาดทรัพยากร การนิยามอัตลักษณ์ และการจัดระเบียบความรู้
แนวคิดนี้สอดคล้องกับ อ็องรี เลอแฟฟวร์ (Henri Lefebvre) ที่ว่า “space is produced” หรือพื้นที่ไม่ได้มีอยู่ลอย ๆ แต่ถูก “ผลิต” ผ่านอำนาจรัฐ การวางโครงสร้างเมือง ถนน ค่ายทหาร โรงเรียน และสถาบันทางศาสนา กล่าวคือ ถนนที่รัฐสร้างไม่ได้เป็นเพียงทางสัญจร แต่เป็นเครือข่ายที่ทำให้รัฐควบคุมและตรวจสอบ รวมทั้งทำให้ชายขอบเชื่อมกับศูนย์กลางได้ง่ายขึ้น หรือ โรงเรียนที่รัฐสร้างก็เป็นกลไกสร้าง “พลเมืองแบบใหม่” ที่พูดภาษาเดียวกัน ใช้หลักสูตรเดียวกัน และซึมซับอุดมการณ์แบบศูนย์กลางเพื่อทำให้พื้นที่ชายขอบค่อย ๆ กลายเป็น “ส่วนหนึ่งของสยาม” ซึ่งในมณฑลพายัพ พื้นที่ที่ชาวบ้านเคยใช้ทำไร่ ทำสวน หรือจัดพิธีกรรม ถูกทำให้เป็น “พื้นที่ของรัฐ” ผ่านโครงการก่อสร้าง การเก็บส่วย และระบบกฎหมายใหม่ๆ การกดขี่ในที่นี่จึงเป็นการกำหนดให้คนไม่มีที่ยืนในสังคม และนี่คือความหมายของ “ผู้ไร้พื้นที่” ในหนังสือเล่มนี้
คำว่า ผู้ไร้เสียง มักทำให้เราคิดถึงความเงียบ ผู้ที่ไม่ได้ถูกได้ยิน แต่ถ้าใช้กรอบ “ผู้ไร้พื้นที่” เราจะเห็นมากกว่าแค่ความเงียบ เราจะเห็นการถูกกำจัดออกไปจากพื้นที่ทางการเมือง การถูกผลักออกจากการเป็นเจ้าของทรัพยากร และถูกทำให้ไม่สามารถสร้างพื้นที่ของตัวเองได้ เช่น ชาวบ้านในมณฑลพายัพช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19–ต้นศตวรรษที่ 20 ที่แม้จะยังคงทำพิธีกรรมหรือใช้ภาษาท้องถิ่น มักถูกนิยามว่าเป็น “ประชาชนชายขอบ” ของรัฐสยามใหม่ซึ่งกำลังขยายอำนาจจากกรุงเทพฯ
|
ข้อมูล |
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
|
รายละเอียดสินค้า |
อ่าน สารบัญและคำนำ ที่ https://bit.ly/41ZKZ70
เมื่อเราพูดถึง “อาณานิคม” ภาพแรกมักจะเป็นการเข้ามาของจักรวรรดิตะวันตก อังกฤษ ฝรั่งเศส หรือดัตช์ ที่ยึดครองแผ่นดินปลูกธงชาติใหม่และกดทับผู้คนในเอเชีย แอฟริกา หรืออเมริกาใต้ ในหนังสือ “ผู้ไร้พื้นที่” ชวนเรามองใกล้ตัวกว่านั้น มณฑลพายัพในสมัยรัชกาลที่ 5–7 ถูกจัดการในลักษณะที่ไม่ต่างจาก “อาณานิคม” (ภายใน) ของสยาม
ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 สยามเผชิญแรงกดดันจากอาณานิคมตะวันตก สยามจึงพยายามเร่งปรับโครงสร้างการปกครอง รวมศูนย์อำนาจ และทำให้หัวเมืองต่างๆ “กลายเป็นสยาม” อย่างเป็นระบบ ในกระบวนการนี้ ล้านนาไม่ได้ถูกมองว่าเป็นศูนย์กลางร่วม แต่กลับถูกทำให้เป็นชายขอบ หรือเป็นดินแดนที่ต้องจัดระเบียบ ทั้งด้านการเก็บภาษี การเกณฑ์แรงงาน การวางถนน การสร้างโรงเรียนและวัด ไปจนถึงการควบคุมความรู้และภาษา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ต่างจากการที่เจ้าอาณานิคมตะวันตกเข้ามากำหนดชะตาชีวิตของอาณานิคมในเอเชียหรือแอฟริกา
สิ่งที่หนังสือเล่มนี้เปิดให้เห็นคือ แม้จะไม่ถูกปกครองโดยอังกฤษหรือฝรั่งเศส แต่ล้านนาก็ถูกทำให้เป็น “ดินแดนอาณานิคมภายใน” ภายใต้กรุงเทพฯ
-ราษฎรต้องรับภาระภาษีที่สูงกว่าผลิตผลของตนเอง -ถูกเกณฑ์แรงงานสาธารณะ ทั้งสร้างถนน คลอง เขื่อน และสิ่งก่อสร้างเพื่อรัฐ -ถูกจำกัดการเข้าถึงทรัพยากรที่เคยถือว่าเป็นของชุมชน เช่น ป่าไม้ น้ำ หรือที่ดิน -ถูกควบคุมทางวัฒนธรรมและความรู้ผ่านโรงเรียน ระบบราชการ และการนิยามประวัติศาสตร์
นี่คือโครงสร้างแบบเดียวกับที่เราเคยชี้นิ้วประณาม “อาณานิคมตะวันตก” แต่เกิดขึ้นจากส่วนกลางของรัฐเอง กล่าวคือ ถ้าอังกฤษสร้างอินเดียเป็นอาณานิคมเพื่อรีดภาษีและทรัพยากร กรุงเทพฯ ก็อาจสร้างล้านนาเป็น “พื้นที่รอง” ในลักษณะเดียวกัน
สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้ถูกจัดการเช่นนั้น แต่ชาวบ้านในพายัพก็ไม่ได้นิ่งเฉย ภิญญาพันธ์ชี้ให้เห็นร่องรอยของการต่อรองและการต่อต้าน ตั้งแต่กบฏเงี้ยว พ.ศ. 2445, ขบวนการ “คณะลาวเชียงใหม่” ไปจนถึงการเคลื่อนไหวเล็กๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การหลบเลี่ยงภาษี หรือการคงไว้ซึ่งพิธีกรรมท้องถิ่น
หนังสือเล่มนี้บอกเราว่า ความไม่เท่าเทียมในสังคมไทยไม่ได้เกิดจากแรงกดดันภายนอกเพียงอย่างเดียว แต่ถูกสถาปนาขึ้นภายในเอง ศูนย์กลางกับชายขอบไม่ใช่แค่เรื่องภูมิศาสตร์ แต่คือโครงสร้างของอำนาจที่ยังคงสะท้อนมาจนถึงปัจจุบัน ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เงื่อนไขอื่นๆ |
|
Tags |
**กรุณาเลือกช่องทางติดต่อตามข้อสงสัยของคุณ ในกรณีที่คุณไม่สามารถติดต่อเจ้าของร้านได้ สามารถติดต่อมายังทีมงาน LnwPay แล้วเราจะช่วยเหลือคุณจนถึงที่สุด
หน้าที่เข้าชม | 198,891 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 132,162 ครั้ง |
เปิดร้าน | 8 เม.ย. 2563 |
ร้านค้าอัพเดท | 21 ต.ค. 2568 |