จำนวนชิ้น | ส่วนลดต่อชิ้น | ราคาสุทธิต่อชิ้น |
{{(typeof focus_pdata.price_list[idx+1] == 'undefined')?('≥ '+price_row.min_quantity):((price_row.min_quantity < (focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1))?(price_row.min_quantity+' - '+(focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1)):price_row.min_quantity)}} | {{number_format(((focus_pdata.price_old === null)?focus_pdata.price:focus_pdata.price_old) - price_row.price,2)}} บาท | {{number_format(price_row.price,2)}} บาท |
คงเหลือ | ไม่จำกัด ชิ้น |
จำนวน (ชิ้น) |
- +
|
ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า คุณมีสินค้าชิ้นนี้ในตะกร้า 0 ชิ้น
|
|
|
|
คุยกับร้านค้า | |
{{ size_chart_name }} |
|
หมวดหมู่ | เอเชียใต้ศึกษา |
สภาพ | สินค้าใหม่ |
เพิ่มเติม | |
สภาพ | สินค้ามือสอง |
เกรด | |
สถานะสินค้า | |
ระยะเวลาจัดเตรียมสินค้า | |
เข้าร่วมโปรโมชั่น | |
ช่องทางชำระเงิน | ![]() |
ไฮไลท์ |
แปลจาก 'Archaeological History of Indian Buddhism'
ลาร์ส โฟเคลิน (Lars Forgelin) เขียน
วรรณพรรธน์ เฟรนซ์ แปล
เชษฐ์ ติงสัญชลี, ปวินท์ มินทอง บรรณาธิการ
หนังสือขนาด Jumbo (165 x 241 x 17 มม.)
เข้าเล่มปกอ่อนจำนวน 432 หน้า
____________________________________
ถือเป็นหนังสือที่มีกระบวนการคิดอันซับซ้อน มีการอ้างอิงวิธีวิจัยและมีการอ้างอิงงานวิชาการของนักโบราณคดี นักประวัติศาสตร์ ฯลฯ ที่มีมาก่อนตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 20 มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งทำให้ได้ข้อเสนอที่น่าสนใจ แม้ว่าบางจุด วิธีคิดของลาร์ส โฟเคลินอาจซับซ้อนจนยากจะเข้าใจและมีข้อถกเถียงมาก แต่งานของเขาก็น่าจะเป็นตัวอย่างสำหรับการวิจัยเชิงโบราณคดีที่บูรณาการกับงานประวัติศาสตร์ศิลปะ งานศึกษาวรรณกรรม และงานประวัติศาสตร์ได้
ที่น่าสนใจก็คือ ลาร์ส โฟเคลินมีความพยายามในการสร้างภาพ “คน” หรือ “พุทธศาสนิกชน” ในสมัยโบราณ ผ่านโบราณวัตถุสถาน การศึกษาทางโบราณคดีที่ผ่านมา และเอกสารโบราณ โดยใช้ทฤษฎีทางมานุษยวิทยา ซึ่งทำให้สามารถมองเห็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจาก “คน” เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นความแตกต่างระหว่างกลุ่มพระสงฆ์และฆราวาสที่มีวิธีการในการบูชาและเข้าถึงพระพุทธองค์ที่แตกต่างกัน หรือความแตกต่างระหว่างพระภิกษุด้วยกันเองที่เป็นปัจจัยทำให้พุทธศาสนาเกิดพัฒนาการอันหลายหลาก
ความแตกต่างที่ถูกนำเสนอในหนังสือเล่มนี้เป็นกระบวนการที่น่าสนใจ น่าศึกษา ความพยายามในการสร้างภาพของ “พุทธศาสนิก ชน” สมัยโบราณ แม้ว่าอาจมีข้อสงสัยและมีข้อถกเถียงได้มากในบางประเด็น แต่การนำเสนอของเขาก็ทำให้ผู้อ่านสามารถสร้างภาพและจินตนาการได้
ดั่งเช่นทฤษฎีที่ผู้เขียนได้เสนอว่า ความแตกต่างระหว่างการทำพิธีกรรมแบบปัจเจกซึ่งอาศัยการเดินประทักษิณารอบพระสถูปเป็นหลักตรงกันข้ามกับการทำพิธีกรรมแบบหมู่คณะที่ทำกันในโถงเจติยสถาน หรือทฤษฎีพระสงฆ์พยายามจะสถาปนาอำนาจเหนือเหล่าฆราวาสซึ่งต่อมาสะท้อนในทฤษฎีความขัดแย้งระหว่างกลุ่มพระสงฆ์นักปราชญ์ที่เอาแต่ศึกษาคัมภีร์อย่างคร่ำเคร่งกับพระภิกษุสายปฏิบัติที่ละทิ้งพระอาราม เป็นต้น
โฟเคลินยังพยายามกล่าวถึงปัจจัยภายนอกในการเปลี่ยนแปลงของพุทธศาสนาในแต่ละยุคสมัยด้วยมุมมองใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการเสื่อมลงของพุทธศาสนาและศาสนิกชนได้เปลี่ยนไปนับถือศาสนาฮินดูมากขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ 12 - 13 ลงมานั้น หนังสือเล่มนี้ได้เสนอไว้ว่าการที่พระสงฆ์ไม่พึ่งฆราวาสอีกต่อไป ฆราวาสที่หมดที่พึ่งจึงหันเข้าหาศาสนาฮินดู ที่เพิ่งปรับตัวเช่นเดียวกัน เพื่อตอบรับความต้องการด้านพิธีกรรม การขอพร และการเป็นที่พึ่งทางจิตใจของศาสนิกชาวพุทธเดิม
นอกจากนี้ พุทธศาสนาแบบตันตระที่ดั้งเดิมถูกมองว่าเป็นความ “เสื่อม” ของศาสนา หนังสือเล่มนี้กลับมองว่าเป็น “อีกขั้นพัฒนาการหนึ่ง” ที่ “ก้าวหน้า” ด้วยเหตุที่ตันตระได้ตอบสนองความสนใจในความลึกลับของคนในระยะนั้นได้อย่างดี หนังสือเล่มนี้ได้นำเสนอว่า การมีทัศนคติที่เปิดรับความเป็นโลกียะมากกว่านิกายอื่นๆ ทำให้สาวกผู้ปฏิบัติตามคำสอนของพุทธศาสนาสายตันตระกลายมาเป็นกลุ่มที่สืบทอดพระพุทธศาสนาในอินเดีย และแทนที่พระภิกษุฝ่ายมหายานผู้เคร่งครัดในคัมภีร์และอภิปรัชญาในที่สุด
นี่คือตัวอย่างหนึ่งในมุมมองที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่สนใจในการศึกษาพัฒนาการพุทธศาสนาในอินเดีย ทั้งนี้ การตีความและมุมมองของลาร์ส โฟเคลิน น่าจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกหลายๆ ตัวเลือกที่ผู้อ่านน่าจะได้รับแง่คิดและมุมมองในการพัฒนาต่อยอดความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ศิลปะ และโบราณคดีอินเดียต่อไป
-บางส่วนจาก คำนำเสนอ ของศาสตราจารย์ ดร.เชษฐ์ ติงสัญชลี
|
ข้อมูล |
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
|
รายละเอียดสินค้า |
ความน่าสนใจของหนังสือเล่มนี้ คือการที่ อาจารย์ลาร์ส โฟเคลิน นักมนุษยวิทยาผู้เชี่ยวชาญทางด้านการศึกษาเกี่ยวกับศาสนา ได้หยิบยกเอาพัฒนาการด้านศิลปกรรมของพุทธศาสนาในอินเดียมาศึกษาวิเคราะห์โดยใช้ทฤษฏีทางปรัชญา สัญศาสตร์ และศาสนศาสตร์ ร่วมกับการศึกษาด้านโบราณคดี-ประวัติศาสตร์ศิลปะเพื่อนำมาอธิบายในกรณีศึกษาที่เกี่ยวข้อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นว่าด้วยอำนาจหน้าที่ของคณะสงฆ์ภายในสังฆราราม บทบาทเชิงพิธีกรรมของฆราวาสในเขตเจติยสถาน และการปรับใช้ศิลปะวัตถุทางศาสนาเพื่อแสดงออกถึงอำนาจปกครองของกษัตริย์ เป็นต้น ดังจะพบว่า ประเด็นเหล่านี้แทบมิได้ถูกเอ่ยถึงในวรรณกรรมทางศาสนาร่วมสมัย แต่กลับปรากฏร่องรอยอยู่ตามหลักฐานประเภทโบราณวัตถุ และเจติยตสถานประเภทต่างๆ อันเป็นหลักฐานสำคัญทางการศึกษาด้านโบราณคดี
ทั้งนี้ แม้ว่าประเด็นดังกล่าวจะยังซับซ้อนจนยากที่จะหาข้อยุติได้อย่างชัดเจน หากแต่ผู้เขียนก็ได้แสดงถึงความพยายามในการสร้างแนวทางกระบวนการศึกษาวิธีใหม่ที่มีต่อการศึกษาด้านโบราณคดีของพุทธศาสนาในรูปแบบของสหวิทยาการ เพื่อให้ได้ภาพสังเคราะห์ของ “มนุษย์” ผู้สร้างงานศิลปกรรมจากร่องรอยหลักฐานทางโบราณคดีซึ่งเป็นผลพวงจากกิจกรรมทางศาสนาของ “ผู้คน” ในอดีตนั่นเอง
ในฐานะที่ดิฉันเป็นผู้สนใจศึกษาด้านโบราณคดี และ ประวัติศาสตร์ศิลปะเอเชียใต้ จึงเล็งเห็นว่าความพิเศษอันเป็นจุดเด่นของหนังสือเล่มนี้ คือการนำเสนอแนวคิดเชิงบูรณาการอย่างสร้างสรรค์ต่อการศึกษาประวัติศาสตร์ของพระพุทธศาสนาในอินเดีย และถือเป็นการตั้งคำถามต่อประเด็นที่ชวนสงสัย อันอาจนำไปสู่การศึกษาอภิปราย ขบคิดขยายความต่อไปในวงกว้างโดยนักวิชาการหรือผู้เชี่ยวชาญสาขาต่างๆ ที่มิได้จำกัดเฉพาะเพียงสายพุทธศาสตร์ และ ปรัชญาทางศาสนาอีกต่อไป
-บางส่วนจาก คำนำ ของวรรณพรรธน์ เฟรนซ์-ผู้แปล
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เงื่อนไขอื่นๆ |
|
Tags |
**กรุณาเลือกช่องทางติดต่อตามข้อสงสัยของคุณ ในกรณีที่คุณไม่สามารถติดต่อเจ้าของร้านได้ สามารถติดต่อมายังทีมงาน LnwPay แล้วเราจะช่วยเหลือคุณจนถึงที่สุด
หน้าที่เข้าชม | 198,891 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 132,162 ครั้ง |
เปิดร้าน | 8 เม.ย. 2563 |
ร้านค้าอัพเดท | 21 ต.ค. 2568 |