จำนวนชิ้น | ส่วนลดต่อชิ้น | ราคาสุทธิต่อชิ้น |
{{(typeof focus_pdata.price_list[idx+1] == 'undefined')?('≥ '+price_row.min_quantity):((price_row.min_quantity < (focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1))?(price_row.min_quantity+' - '+(focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1)):price_row.min_quantity)}} | {{number_format(((focus_pdata.price_old === null)?focus_pdata.price:focus_pdata.price_old) - price_row.price,2)}} บาท | {{number_format(price_row.price,2)}} บาท |
คงเหลือ | ไม่จำกัด ชิ้น |
จำนวน (ชิ้น) |
- +
|
ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า คุณมีสินค้าชิ้นนี้ในตะกร้า 0 ชิ้น
|
|
|
|
คุยกับร้านค้า | |
{{ size_chart_name }} |
|
หมวดหมู่ | ไทยศึกษา |
สภาพ | สินค้าใหม่ |
เพิ่มเติม | |
สภาพ | สินค้ามือสอง |
เกรด | |
สถานะสินค้า | |
ระยะเวลาจัดเตรียมสินค้า | |
เข้าร่วมโปรโมชั่น | |
ช่องทางชำระเงิน | ![]() |
ไฮไลท์ |
หนังสือ บงการอธิปไตย: การแทรกแซงจากจักรวรรดินิยมตะวันตกกับการก่อรูปของรัฐสยาม ของจา เอียน ชง
แปลโดยธรรมชาติ กรีอักษร และคณะ
บรรณาธิการโดย จิตติภัทร พูนขำ
ISBN 9786168215517
เข้าเล่มปกอ่อนจำนวน 322 หน้า
ขนาด 16 หน้ายกพิเศษ (14.3 x 21 x 2.4 cm.)
แปลจากบางส่วนของหนังสือ External Intervention and the Politics of State Formation--China, Indonesia and Thailand, 1893-1952 ของ จา เอียน ชง (Ja Ian Chong) ตีพิมพ์ใน ค.ศ.2014 และได้รับรางวัลหนังสือยอดเยี่ยม หมวด International Security Studies Section จาก International Studies Association ใน ค.ศ.2015
________________
กระบวนการสร้างรัฐสมัยใหม่เป็นหัวข้อสำคัญมากที่สุดเรื่องหนึ่งในการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ งานของจา เอียน ชง (Ja Ian Chong) อธิบายกระบวนการสร้างรัฐในเอเชียรวมทั้งรัฐไทยจากกรอบการวิเคราะห์ปัจจัยระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการแทรกแซงจากภายนอกและความสัมพันธ์ระหว่างรัฐมหาอำนาจยุโรป ในฐานะปัจจัยชี้ขาดในการสถาปนารูปแบบของรัฐแบบใดแบบหนึ่งขึ้นมา ซึ่งก้าวข้ามคำอธิบายที่มุ่งเน้นเฉพาะแต่ปัจจัยภายในเท่านั้น
หนังสือเล่มนี้จึงมีคุณูปการทั้งในระดับของกรอบการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และข้อค้นพบเชิงประจักษ์ในกรณีศึกษาของรัฐไทยสมัยใหม่ การก้าวข้ามไปให้พ้นพลวัตภายในย่อมช่วยทำให้เราเห็นปฏิสัมพันธ์ระหว่างพลวัตเชิงอำนาจภายในกับภายนอก และภาพการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของสยามรัฐนาวาได้อย่างแจ่มชัดมากขึ้น หวังว่าหนังสือเล่มนี้จะช่วยก่อให้เกิดการถกเถียงแลกเปลี่ยนทางวิชาการในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในไทยไม่มากก็น้อย
— รศ.ดร.จิตติภัทร พูนขำ
คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
_______________
หนังสือเล่มนี้ ยังมีบทความ “การเมืองเบื้องหลังการเสด็จประพาสยุโรป” โดย ฉลอง สุนทราวาณิชย์ ซึ่งนำมาพิมพ์ใหม่ อยู่ในภาคผนวกที่ 1
และบทความ “เส้นทางการรวมศูนย์อำนาจและการพัฒนา: กรณีศึกษาจากสยาม” โดย คริสโตเฟอร์ เพ็ก และ เจสสิกา เวชบรรยงรัตน์ แปลจาก "Path to Centralization and Development: Evidence from Siam." อยู่ในภาคผนวกที่ 2
|
ข้อมูล |
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
|
รายละเอียดสินค้า |
อ่าน สารบัญ คำนำ และบทนำ ที่ https://bit.ly/3KS61L7
____________________________________________ คนไทยส่วนใหญ่ล้วนมีความคุ้นชินกับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 และ 20 เป็นอย่างดี ทั้งนี้ ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทยหรืออาณาจักรสยาม ณ ขณะนั้น นับว่ามีความสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง จากสภาพที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ดังกล่าว ซึ่งตั้งอยู่บริเวณใจกลางของภาคพื้นทวีปของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้ประเทศไทยถูกประกบอยู่ตรงกลางระหว่างผลประโยชน์ของอังกฤษในมาลายาและพม่า กับผลประโยชน์ของฝรั่งเศสในอินโดจีน ด้วยเหตุนี้ จา เอียน ชง จึงตั้งข้อสังเกตว่า สถานการณ์ในช่วงเวลานั้นทำให้สยาม/ไทยตกอยู่ในสภาวะที่ยากลำบากอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ แต่ “ในที่สุดก็ก่อให้เกิดเงื่อนไขที่เอื้อให้รัฐสร้างระบบการเมืองแบบรวมศูนย์และจำกัดขอบเขตดินแดนของตน (territorial exclusivity) รวมทั้งมีอำนาจการปกครองอย่างอิสระโดยปราศจากการแทรกแซงจากภายนอก (external autonomy)”
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น คือ “สยาม” ได้ขยับสถานะจากความเป็นรัฐจารีตในระบอบศักดินาสู่ความเป็นรัฐชาติสมัยใหม่ที่มีอำนาจอธิปไตย (Statehood) ในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ศตวรรษที่ 20 การที่สยามสามารถดำเนินนโยบายให้รอดพ้นจากการถูกครอบครองโดยประเทศเจ้าอาณานิคมยุโรปได้เป็นผลสำเร็จ มิเพียงแต่จุดประกายให้คนไทยส่วนใหญ่ภาคภูมิใจกับสถานะความเป็นประเทศเอกราชของตนเพียงเท่านั้น ทว่ายังก่อให้เกิดข้อถกเถียงทางวิชาการในหลากหลายสาขาวิชาด้วย ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ รัฐศาสตร์ ตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ในการถกเถียงทางวิชาการได้เกิดข้อเสนอหรือคำอธิบายกระแสหลักที่ว่า ไทย/สยาม “ไม่เคยตกเป็นอาณานิคม” ซึ่งถูกโต้แย้งอย่างกว้างขวางทั้งจากนักวิชาการสายมาร์กซิสต์ และสายหลังอาณานิคมศึกษา (postcolonialism) นอกจากนี้ ผู้ที่ศึกษานโยบายต่างประเทศของไทยยังมองว่า เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ในช่วงนี้ได้แสดงให้เห็นถึงลักษณะเฉพาะที่โดดเด่นในการดำเนินนโยบายต่างประเทศในเวทีระดับภูมิภาคของรัฐไทยที่มุ่งเน้นหลักความยืดหยุ่น (flexibility) และการเน้นการปฏิบัติเป็นหลัก (pragmatism) เปรียบเสมือน “ไผ่ลู่ลม” แต่ในทางตรงกันข้าม นักวิชาการบางคนได้วิพากษ์ว่าการดำเนินนโยบายต่างประเทศที่มุ่งเน้นหลักความยืดหยุ่นได้สะท้อนให้เห็นถึงภาวะที่รัฐไทยขาดวิศัยทัศน์ในการดำเนินนโยบายบนเวทีโลก และขาดความรับผิดชอบทั้งในเชิงการเมืองและศีลธรรมของรัฐไทยต่อภูมิภาค ท่ามกลางข้อถกถียงที่แตกต่างหลากหลายเหล่านี้ ชง (Chong) มีการเสนอที่มีความแตกต่างจากงานที่ผ่านมา และมีความน่าสนใจอยู่หลายประการด้วยกัน ประการแรก ชองชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยระดับภายใน (domestic) กับภายนอก (international) ที่ส่งผลต่อกระบวนการก่อตัวของรัฐสมัยใหม่ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว ข้าพเจ้ามองว่าเป็นแนวทางการศึกษาที่แตกต่างไปจากแนวทางการศึกษาดั้งเดิม ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงขาดการวิเคราะห์การเชื่อมโยงถึงความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองปัจจัย สำหรับประเด็นนี้ ชองได้เสนอว่า การแทรกแซงจากภายนอกอาจไม่จำเป็นต้องนำไปสู่การสร้างความอ่อนแอให้กับกระบวนการสร้างรัฐชาติสมัยใหม่ อันที่จริงกลับสามารถนำไปสู่การก่อตัวของรัฐชาติสมัยใหม่ได้เสียด้วยซ้ำ ในแง่นี้ ชองมองว่า บทบาทของตัวแสดงภายนอก (external actors) เป็นตัวแสดงหลักในกระบวนการก่อตัวขึ้นของรัฐสมัยใหม่ อันมีผลทำให้ตัวแสดงในระดับท้องถิ่น (local actors) มีความสำคัญรองลงมา ทั้งนี้ กระบวนการดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ย่อมขึ้นอยู่กับเงื่อนไขบางอย่างด้วยตามที่ชองได้อธิบายในหนังสือของเขา เนื่องจากชงได้ลดทอนบทบาทของตัวแสดงภายในในการสร้างรัฐ ข้าพเจ้าเชื่อว่าข้อเสนอของชงอาจจะไม่ได้รับการตอบรับจากคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ยังเชื่อว่า การที่ประเทศของตนสามารถรักษาเอกราชไว้ได้ล้วนแล้วแต่เป็นเพราะพระปรีชาสามารถของพระมหากษัตริย์เป็นสำคัญ นอกจากนี้ ข้อเสนอของชงก็อาจไม่เป็นที่ยอมรับมากนักในกลุ่มประชากรที่เคยตกอยู่ภายใต้อาณานิคมของตะวันตก ที่ยังคงเชิดชูความกล้าหาญของวีรบุรุษผู้รักชาติที่ใช้อุดมการณ์ชาตินิยมปลุกระดมมวลชนให้ลุกขึ้นต่อสู้กับเจ้าอาณานิคม ในทำนองเดียวกัน ฝ่ายนักวิชาการที่ศึกษาอุดมการณ์ชาตินิยมในฐานะที่เป็นปัจจัยเชิงสาเหตุ (casual factor) ที่ทำให้เกิดการก่อตัวขึ้นของรัฐชาติสมัยใหม่ก็อาจมีความเคลือบแคลงใจต่อการวิเคราะห์ของชงด้วยเช่นกันด้วย ทั้งนี้ ข้าพเจ้ามองว่า มุมมองที่มีความแตกต่างของชง จะจุดประกายให้เกิดการถกเถียงที่น่าสนใจในหลายสาขาวิชาได้ ยิ่งไปกว่านั้น งานศึกษาชิ้นนี้ยังชวนให้ตั้งคำถามต่อถึงวิถีทางอื่นๆ ที่จะนำไปสู่การก่อตั้งรัฐชาติสมัยใหม่ ดังนั้น งานศึกษาของชงชิ้นนี้จึงไม่ควรถูกพิจารณาว่าเป็นเพียง “งานศึกษาประวัติศาสตร์ไทยอีกชิ้นหนึ่ง” เท่านั้น หากแต่ควรพิจารณาว่าเป็นงานศึกษาชิ้นแรกๆ ที่สร้างคุณประโยชน์ต่อข้อถกเถียงร่วมสมัยเกี่ยวกับการก่อตัวของรัฐสมัยใหม่ ประการที่สอง ข้อเสนอของชงตรงกับความสนใจทางวิชาการของข้าพเจ้า นั่นคือ การถกเถียงของ Global IR โดยทั่วไป การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมักตั้งอยู่บนฐานทฤษฎีและแนวคิดที่มาจากประสบการณ์ของประเทศตะวันตกเป็นส่วนใหญ่ ในทางกลับกัน การศึกษาด้าน Global IR มุ่งเน้นคุณประโยชน์ของการสร้างองค์ความรู้จากกรณีศึกษาต่างๆ ที่ไม่ใช่เฉพาะประเทศตะวันตกเท่านั้น โดยมุ่งให้ความสนใจกับพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางประวัติศาสตร์ การเมือง และสังคม หนังสือเล่มนี้ของชงจึงนับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแรงสนับสนุนการถกเถียง Global IR ผ่านการบ่งชี้ให้เห็นว่า การแทรกแซงจากภายนอกผลักดันให้เกิดการก่อตัวขึ้นของรัฐสมัยใหม่ในภูมิภาคเอเชียอย่างไร อันเป็นประเด็นศึกษาที่ยังคงไม่ได้รับความสนใจทางวิชาการเท่าที่ควรในวรรณกรรมศึกษาเกี่ยวกับประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยภาพรวมแล้ว บทวิเคราะห์ชิ้นนี้ของชงได้นำเสนอมุมมองใหม่ที่เป็นประโยชน์ต่อการถกเถียงทางวิชาการในหลากหลายสาขาวิชา ทั้งนี้ แม้จะเป็นการศึกษาเหตุการณ์ในอดีต แต่กรอบการวิเคราะห์ในเรื่องเงื่อนไขและผลลัพธ์จากการแทรกแซงโดยต่างชาติที่ชองใช้วิเคราะห์ในงานศึกษาชิ้นนี้ ไม่เพียงแต่จะช่วยให้เราเข้าใจถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสยาม/ไทยแต่เพียงเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงกรณีศึกษาร่วมสมัยในประเทศอื่นๆ ที่กำลังต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งความเป็นรัฐเอกราช ดังเช่น อัฟกานิสถานและซีเรียในห้วงเวลาปัจจุบันอีกด้วย ข้าพเจ้ามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า ข้อเสนอของชงน่าจะกระตุ้นการสนทนาทางวิชาการที่น่าสนใจต่อไปในอนาคต ชนินท์ทิรา ณ ถลาง
คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ![]() ![]() ![]() ![]() |
เงื่อนไขอื่นๆ |
|
Tags |
**กรุณาเลือกช่องทางติดต่อตามข้อสงสัยของคุณ ในกรณีที่คุณไม่สามารถติดต่อเจ้าของร้านได้ สามารถติดต่อมายังทีมงาน LnwPay แล้วเราจะช่วยเหลือคุณจนถึงที่สุด
หน้าที่เข้าชม | 198,891 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 132,162 ครั้ง |
เปิดร้าน | 8 เม.ย. 2563 |
ร้านค้าอัพเดท | 21 ต.ค. 2568 |