ผู้เขียน พ.ท.ผศ.นพ.ดร.พิชา สุวรรณหิตาทร
ผมได้มีโอกาสอ่านหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า 'เมื่อโลกติดเชื้อ ฉบับกระชับ (Infectious disease, a very short introduction)' หลังจากอ่านจบมีความประทับใจที่อยากจะเล่าสู่กันฟังครับ
ก่อนอื่นอยากจะขอออกตัวก่อนว่าตัวเองนั้นเป็นนักวิชาการ พื้นเพเดิมนั้นเป็นแพทย์แต่มีโอกาสไปเรียนต่อด้านระบาดวิทยาโรคติดเชื้อมา งานหลักที่ทำประจำอันหนึ่งคือการอ่านเปเปอร์ รวมถึงการเป็นรีวิวเวอร์ให้กับผลงานวิชาการที่จะส่งตีพิมพ์ แต่อย่าได้ถือว่าการได้อ่านหนังสือเล่มนี้เป็นการรีวิวอย่างเข้มข้นเลยนะครับ ผมอยากจะแชร์ประสบการณ์ให้ฟังมากกว่า เพราะเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้นั้นพบว่าตรงกับสายงานที่ทำอยู่มากเลยทีเดียว อีกทั้งความประทับใจแรกเลยเมื่อหยิบขึ้นมาอ่านหน้าแรกๆคือ...
...มีคนเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาด้วยเหรอ เชื่อว่าหลายท่านจะมีคำถามในใจว่าถ้าเราเจ็บป่วยก็ไปหาหมอสิ หรือถ้าเกิดมีโรคระบาดขึ้นมาเดี๋ยวก็ต้องมีใครทำอะไรซักอย่างเอง (อย่างที่เห็นๆกัน เราก็แค่ทำตาม) ดังนั้นเรื่องบางเรื่องเราก็อยากรู้แหละ แต่เราจะเก็บความอยากรู้เรื่องนี้ไว้เป็นลำดับท้ายๆ
พอผมเปิดดูหน้าท้ายๆที่ลิสต์ชื่อหนังสืออ่านเพิ่มเติมจึงพบว่าผู้แต่งได้หาข้อมูลมาเป็นจำนวนมาก เพื่อนำมาถ่ายทอดให้ผู้อ่านได้เห็นถึงความมหัศจรรย์ของเชื้อโรค ร่างกายมนุษย์ที่แสนจะซับซ้อนประกอบด้วยเซลล์นับล้านและเชื้อโรคตัวเล็กๆ ที่บางชนิดไม่อาจเรียกว่าเซลล์ได้ด้วยซ้ำ เชื่อไหมครับว่าโรคติดเชื้อนั้นอยู่ใกล้ตัวมากกว่าที่คิด และการกระทำบางอย่างของเรานั้นมีผลอย่างมากมายต่อพลวัตรหรือความเป็นไปของโรคๆนั้น แก่นของเรื่องราวดังกล่าวอยู่ในหนังสือเล่มนี้ครับ…
ถ้าจะให้รีวิวอย่างสั้นๆ ต้องบอกก่อนว่าเนื้อหานั้นอัดแน่นไปด้วยวิชาการ แต่เป็นวิชาการที่ย่อยมาแล้ว และผู้แปลก็แปลได้อย่างดี จุดที่ผมประทับใจคือการพยายามรักษาความหมายเดิมเนื้อเรื่องเอาไว้ และมีเชิงอรรถอธิบายเพิ่มเติมตลอด แต่ถึงกระนั้นศัพท์แสงบางคำอาจจะไม่เคยผ่านตากันมาก่อน ก็ต้องทำความเข้าใจกันซักหน่อยนะครับ
หลายท่านคงจะเคยอ่านหนังสือผ่านๆตา เรื่องราวเกี่ยวกับทฤษฎีสัมพันธภาพที่ซับซ้อน ปริภูมิเวลา กาลอวกาศ ที่เอามาย่อยให้เข้าใจได้ไม่ยาก หรือคณิตศาสตร์ยากๆที่ถูกเล่าออกมาได้อย่างบันเทิงได้ หนังสือเล่มนี้ก็เช่นกันครับ เป็นการนำเรื่องราวของโรคติดเชื้อมาเล่าสู่กันฟังในเชิงนั้น
ทำไมอยู่ดีๆถึงมีโรคติดเชื้อเกิดในมนุษย์เรา บางโรคก็อุบัติใหม่ มันมาจากไหน มันเกิดขึ้นได้ยังไง ก็คงเหมือนกับการหาคำตอบโลกนี้มาจากไหน ระบบสุริยะของเรามีที่มาอย่างไร แล้วหัวเรื่องที่บอกว่า เมื่อโลกติดเชื้อ หมายถึงอะไรล่ะ? โลกที่สะกดด้วย ล ด้วยนะครับ ไม่ใช่คำว่าโรคอย่างที่คุ้นเคยกัน
ปกติแล้วเวลาเราไม่สบาย เราก็จะไปหาหมอใช่ไหมครับ เจ็บคอ ท้องเสีย หมอก็ตรวจ ให้การวินิจฉัยโรคและให้การรักษา ที่โรงพยาบาลก็จะมีคนป่วยมากมาย หลายคนก็หลายโรค ตรวจรักษากันไป หนึ่งในโรคที่พบเจอกันบ่อยๆก็คือโรคติดเชื้อ บางคนคออักเสบ ทอนซิลเป็นหนอง นั่นก็โรคติดเชื้อจากแบคทีเรีย คนนึงเป็นไข้เลือดออก นั่นก็เชื้อไวรัส อีกคนนึงมีผื่นคันที่เท้า นั่นก็น่าจะเป็นจากเชื้อรา ใครติดเชื้อประเภทไหน ก็มีหยูกหยารักษาตามสาเหตุนั้น ตรงนี้ทุกคนน่าจะนึกภาพออก
แต่รู้ไหมครับว่า โลก ที่หมายถึงโลกมนุษย์ของเรา ก็ติดเชื้อได้…
เมื่อโรคภัยไข้เจ็บไม่ได้ถูกมองเป็นหน่วยย่อยระดับปัจเจก แต่โรคติดเชื้อนั้นกระจายไปในมนุษย์ ผ่านพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ ผ่านการเวลา ผ่านสิ่งแวดล้อมหลากหลาย การระบาดของโรคในพื้นที่ต่างๆ เหตุการณ์สำคัญที่ทำให้ผู้คนจำนวนมากเกิดโรคติดเชื้อ หรือการแพร่รกระจายไปทั่วโลก (pandemic) ของโรคบางชนิด หรือโรคบางอย่างที่ยังอยู่คู่กับมนุษย์มานับร้อยนับพันปี และเชื่อหรือไม่ครับว่า…เราสามารถที่จะพอ”ทำนาย”ได้ว่าโรคติดเชื้อมันจะแพร่กระจายได้ไปถึงไหนได้ด้วย…คณิตศาสตร์
ความสัมพันธ์ของร่างกายมนุษย์กับเชื้อโรคนั้นซับซ้อน ถ้าเป็นคนก็เรียกได้ว่ารักหรือเปล่าก็ไม่น่าจะใช่ แต่จะเกลียดก็พูดได้ไม่เต็มปาก เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย ระบบภูมิคุ้มกันย่อมทำงานต่อต้านสิ่งแปลกปลอมนั้น ลองจินตนาการถึงเชื้อโรคที่ต้องการร่างกายมนุษย์ในการอยู่อาศัย ต้องการสารอาหาร อุณหภูมิ ความเป็นกรดเบส หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมดูสิครับ
หน้าที่หลักของสิ่งมีชีวิตคือการขยายพันธุ์ ในเมื่อเชื้อโรคซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตตัวเล็กตัวน้อยมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าย่อมไม่มีความแข็งแรงพอที่จะอยู่รอดในสภาพแวดล้อมภายนอกได้ ก็ต้องการร่างกายของสิ่งมีชีวิตใหญ่กว่าอย่างมนุษย์เป็นที่พึ่งพิง การเข้าไปอาศัยเขาอยู่แบบนั้นเรียกสภาวะปรสิต ที่ต้องไปอยู่ไปกินแบบแย่งเขามาฟรีๆ เผลอๆทำให้เจ้าของที่เขาป่วยอีก
เชื้อโรคไม่รู้หรอกครับว่าตัวมันเองมีพิษอะไรหรือไม่ บางครั้งมันก็ไปทำให้อวัยวะภายในของร่างกายมนุษย์เสียหาย เกิดเป็นอาการเจ็บป่วยขึ้นมา หรือแม้กระทั่งป่วยหนักจนถึงกับตายได้ เราถึงเรียกว่าโรคติดเชื้อ แต่ในเมื่อต้องการร่างกายของเขาเพื่ออยู่ ดังนั้นจะให้เจ้าของร่างเขาตายไม่ได้ อย่างน้อยๆก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ซักช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่ถ้าเขาไม่ตาย เขาก็ย่อมมีสิทธิ์ในการดูแลปกป้องพื้นที่ตัวเอง ดังนั้นภูมิคุ้มกันก็จะทำงาน และถ้ามันแข็งแรงพอ เชื้อโรคก็จะตาย
ดังนั้นสภาวะที่ดูเหมือนไม่รักแต่ก็ไม่เกลียดนี้ จะต้องจูนหาจุดที่อยู่ร่วมกันได้ โดยที่ร่างกายมนุษย์นั้นยังรอด และเชื้อโรคก็มีความสุขดีไปจนขยายพันธุ์ ถึงแม้ว่าร่างกายมนุษย์จะไม่ได้แฮปปี้กับความสัมพันธ์แบบนี้ซักเท่าไหร่
เรื่องราวต่อจากนี้ผู้เขียนได้รวบรวมข้อมูลและกลั่นกรอง ย่อยเล่าออกมาอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ว่าแท้ที่จริงแล้วเชื้อโรคกับมนุษย์อยู่ร่วมกันได้อย่างไร มนุษย์หนึ่งคนอาจจะติดเชื้อ ป่วยและตายไป แต่กับกลุ่มของมนุษย์นั้นกลับมีแบบแผนที่น่าสนใจ เพราะแนวคิดของหนังสือเล่มนี้คือ...โรคติดเชื้อไม่ได้ทำให้มนุษย์สูญพันธุ์ อย่างน้อยก็เร็วๆนี้ แต่มันเหมือนกับแมวไล่จับหนูที่ต้องไล่ให้ทันกัน
ผู้แต่งได้ยกตัวอย่างโรคติดเชื้อที่น่าสนใจ การวิวัฒน์ผ่านยุคสมัย วิธีที่มนุษย์อย่างเรารับมือกับเชื้อโรคเหล่านี้ และวิธีที่เชื้อโรครับมือกับพวกเราด้วย...อาทิเช่น ไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่กลายพันธุ์เก่ง จนระบาดทั่วโลกมาตั้งแต่ครั้งอดีตจนถึงปัจจุบัน(และน่าจะระบาดต่อไปอีกเรื่อยๆ)
ภาพจาก https://www.cdc.gov/flu/pandemic-resources/1918-commemoration/milestone-infographic.htm
ไวรัส H1N1 เป็นต้นเหตุการณ์ระบาดของไข้หวัดใหญ่ทั่วโลกตั้งแต่ปี 1918 ทำให้อายุขัยเฉลี่ยของประชาชนชาวสหรัฐลดลงไปถึง 12 ปี และไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าวก็ยังระบาดมาจนถึงปัจจุบัน หรือมาลาเรียที่อยู่คู่มนุษย์มานับพันปี เราเคยคิดฝันและลงมือทำที่จะกำจัดมาลาเรียให้สิ้นซาก จนแล้วจนรอดทุกวันนี้มาลาเรียก็ยังเป็นสาเหตุการตายหลักในหลายประเทศกำลังพัฒนา
ภาพจาก https://infographicplaza.com/unravelling-the-4000-year-history-of-malaria/
มีหลักฐานที่กล่าวถึงอาการของมาลาเรียตั้งแต่ครั้งก่อนคริสตกาล โดยปรากฏหลักฐานในตำราการแพทย์จีนโบราณ รวมถึง Hippocrates เคยกล่าวถึงว่ากลุ่มอาการของมาลาเรียเป็นเหตุให้ประชากรในหลายเมืองลดจำนวนลง เชื้อราในสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ที่ทยอยทำให้พวกมันสูญพันธุ์ไปเรื่อยๆจนกระทบกับระบบนิเวศน์ของโลกใบนี้
ภาพจาก Scheele, B. C. et al. Science 363, 1459–1463 (2019). สิ่งมีชีวิตกลุ่มสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำกำลังได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการติดเชื้อรากลุ่ม Chytrid โดยมีจำนวนลดลงอย่างมากจนอยู่ในระดับอันตรายและหลายชนิดสูญพันธุ์ไปแล้ว
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของไวรัสเอชไอวีที่ปรับตัวเก่งจน (ดูเหมือน) จะล่องหนไปเรดาร์ของภูมิคุ้นกันเรา เชื้อแบคทีเรียอหิวาตกโรค ที่สามารถสื่อสารและถ่ายทอดความสามารถในการก่อโรคให้กันได้ และการใช้คณิตศาสตร์อธิบายความเปลี่ยนแปลงของโรคผ่านผู้คน พาหะนำโรคและเชื้อโรค เมื่อไหร่ที่มันจะระบาด และต้องทำยังไงถึงจะยับยั้งมันได้
ถึงแม้หนังสือจะไม่ยาวนัก แต่กว่าจะขบคิดย่อยตามไปในแต่ละประโยค แต่ละย่อหน้านั้น กลับทำให้รู้สึกทึ่งว่าธรรมชาตินี้ช่างซับซ้อนอย่างเหลือหลาย เจ้าเชื้อโรคตัวจิ๋วยังคงเป็นภัยคุกคามกับมนุษยชาติไปเรื่อยๆถึงแม้ว่าเราจะท่องอวกาศกันได้แล้ว และที่ยิ่งน่าทึ่งคือหนังสือเขียนในปี 2015 แต่ยิ่งอ่านผมยิ่งคิดถึงโควิด-19 ที่อุบัติใหม่หลังจากนั้นเกือบ 5 ปี หลายอย่างในนั้นนำมาคิดต่อยอดเรื่องโควิดได้เยอะทีเดียวครับ
ใครเลยจะไปคิดว่าในช่วงชีวิตของเราจะได้เจอกับโรคอุบัติใหม่ที่ระบาดไปทั่วโลก มีการใช้สรรพวิทยาการและความร่วมมือในระดับโลกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และเราไม่ได้ไปต่อสู่กับผู้รุกรานที่ไหน...หากแต่เป็นเชื้อโรคตัวเล็กๆที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น และอย่างที่หนังสือเล่มนี้บอก เรามีความรู้มากมาย วิทยาการต่างๆนั้นก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ แต่เชื้อโรคจะอยู่กับเราเสมอ เราอาจจะมีวิธีการร้อยแปดอย่างมาต่อสู้ เราอาจจะศึกษาไปจนรู้ลึกถึงทุกอณูของลักษณะพันธุกรรม ในขณะที่เราวิ่งไล่ เชื้อโรคก็วิ่งหนีครับ
และบางขณะที่เราวิ่งหนี เชื้อโรคก็วิ่งไล่ตาม เพราะไม่ใช่แค่เราๆที่เป็นโรคติดเชื้อ
แต่เป็นโลกนี้แหละ...ที่ติดเชื้อครับ
__________________________
สั่งซื้อ >>> คลิก
หน้าที่เข้าชม | 198,891 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 132,162 ครั้ง |
เปิดร้าน | 8 เม.ย. 2563 |
ร้านค้าอัพเดท | 22 ต.ค. 2568 |