ผู้เขียน นันทิพัฒน์ พรเลิศ
เมื่อกล่าวถึงคำว่า “ชาติไทย” คำ ๆ นี้อาจนับได้ว่าเป็นหนึ่งในคำที่มีความหมายที่ดูเรียบง่ายยิ่งใหญ่ แต่มีความกำกวมและไม่ชัดเจนมากที่สุดคำหนึ่ง ความกำกวมนี้ไม่เพียงแต่สร้างปัญหาในวงวิชาการที่การถกเถียงถึงนิยามและช่วงเวลาแห่งการกำเนิดของชาติไทยจะไม่สามารถหาข้อยุติอันเป็นที่ยอมรับร่วมกันได้เท่านั้น แต่ความกำกวมนี้กำลังสร้างปัญหาต่อสภาวะทางการเมืองในยุคปัจจุบันที่โลกทัศน์ในการนิยามชาติแตกต่างกันมากทุกวันระหว่างกลุ่มคนที่นิยามชาติในรูปแบบของ “ชาติ ศาสน์ กษัตริย์” แบบดั้งเดิมตามตำรา ซึ่งเป็นการนิยามชาติแบบกระแสหลักและมีลักษณะการนิยามแบบบนลงล่าง กับกลุ่มคนที่นิยามว่า “ชาติ คือประชาชน” ซึ่งเป็นการนิยามแบบล่างขึ้นบนที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในระยะหลัง และกำลังสั่นคลอนชาติในความหมายแรกจนถึงแก่นกลางของอำนาจ (จนอาจถูกเรียกว่าเป็น 'พวกชังชาติ')
การนิยามที่ต่างกันอย่างสุดขั้วเช่นนี้ส่งผลให้การตีความ “ประวัติศาสตร์การก่อกำเนิดชาติไทย” ของแต่ละกลุ่มนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงด้วย รวมทั้งยังทำให้ปริศนาที่ว่าช่วงเวลาที่เป็นจุดหมุดหมายการก่อกำเนิดของชาติไทยเป็นหนึ่งในเรื่องค้างคา กล่าวในแง่นี้ คำถามที่ว่าเมื่อใดจึงเป็นชาติไทยจึงไม่ใช่สิ่งที่จะหาฉันทามติได้โดยง่ายเลย และความขัดแย้งว่าด้วยวิกฤติเอกลักษณ์ในการนิยามชาติไทยนี้คงไม่สามารถซ่อนไว้ใต้พรมได้อีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองย้อนกลับมาในโลกวิชาการ หนังสือเรื่อง “เมื่อใดจึงเป็นชาติไทย” ซึ่งรวบรวมนักวิชาการที่ศึกษาเรื่องชาติไทยจากหลากหลายสาขาและอุดมการณ์จะช่วยให้ผู้อ่านเห็นภาพของข้อถกเถียงที่ว่าชาติไทยอันกำกวมนี้มีหน้าตาที่ชัดเจนมากขึ้น ทำให้เห็นว่าสิ่งที่เรียกว่า (รัฐ) ชาติไทยนั้นมันถูกประกอบสร้างขึ้นมาเมื่อใด และประชาชน (ที่นิยามชาติกันคนละแบบ) อยู่แห่งหนใดในสมการของชาติไทย กล่าวในแง่นี้ การอ่านหนังสือเล่มนี้แม้จะไม่ได้มุ่งให้ผู้อ่านต้องแสวงหาฉันทามติของความเป็นชาติไทยในรูปแบบใดแบบหนึ่ง แต่ผู้อ่านจะมองเห็นองค์ประกอบของความเป็นชาติไทยมีหน้าตาที่หลากหลายมากกว่าเดิมอย่างแน่นอนไม่มากก็น้อย ไม่ว่าพื้นฐานในการนิยามชาติของคุณจะมาจากหอคอยงาช้างหรือจากรากหญ้าก็ตาม รวมทั้งมองเห็นว่าประชาชนอยู่อยู่แห่งหนใดภายใต้ร่มของชาติไทย
Nation from the sky
ในเบื้องต้น หนังสือเล่มนี้จะพยายามฉายภาพให้เห็นตั้งแต่การประกอบสร้างความกำกวมของความเป็นชาติไทยซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงการสร้าง “รัฐไทย” ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งทำให้แนวคิดความหมายของชาติ (nation) ที่รับมาจากตะวันตกที่มีนัยยะถึงกลุ่มของผู้คนที่นิยามตัวเองร่วมกันค่อย ๆ พร่าเลือนลง และถูกแทนที่ด้วยนิยามของชาติไทยในลักษณะของ “ชาติบ้านเมือง” (Chat) ซึ่งมีความหมายไม่ชัดเจน รวมทั้งชาติในลักษณะนี้จะถูกพัฒนากลายมาเป็นองค์ประกอบของค่านิยมชาติ ศาสน์ กษัตริย์ในยุครัชกาลที่ 6 ก่อนที่จะลดความสำคัญไปในช่วงปฏิวัติสยาม และกลับมาปักหลักอย่างมั่นคงอีกครั้งตั้งแต่ยุคจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์เป็นต้นไป ทั้งนี้ ชาติในความหมายตามตำราเช่นนี้จึงกลายเป็นความเป็นชาติกระแสหลักในสังคมไทย เป็นชาติที่ถูกนิยามจากด้านบนลงด้านล่างที่ไม่สามารถแยกขาดจากสถาบันฯ อันเป็นที่เคารพรักได้ การมองย้อนจุดกำเนิดของความเป็นชาติจึงผูกติดกับสถาบันฯ ของไทย และทำให้จุดกำเนิดของชาติไทยไม่ชัดเจนโดยอาจมองย้อนไปได้ถึงจุดกำเนิดในยุคสุโขทัยและอยุธยาหรืออะไรก็ตามแต่ที่ผู้มีอำนาจจะรังสรรค์ประกอบสร้างประวัติศาสตร์ขึ้นมา
"ชังชาติ" (ภาพจากเพจ คณะเยาวชนปลดแอก)
กล่าวในมุมนี้ การจะนิยามว่าคนชาติไทยคือใครจึงอาจไม่ใช่เรื่องสำคัญและไม่จำเป็นต้องแสวงหารากเหง้าของคำตอบที่ถูกต้อง ชาติในที่นี้อาจมีความคลุมเครือถึงขนาดที่อาจรวมไปถึงคนเชื้อชาติใดก็ได้ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติไทย จีน มุสลิม หรือเป็นคนในบังคับชาติอื่นใดก็ตาม แต่สิ่งเดียวที่ต้องมีความชัดเจนและเป็นสิ่งที่ใช้ชั่งตวงวัดความเป็นชาติไทย คือคนชาติไทยนั้นต้อง “จงรักภักดีต่อสถาบันฯ” หากใครไม่มีคุณสมบัตินี้จะไม่ใช่คนไทย หรือเป็น “พวกชังชาติ” ตามภาษายุคปัจจุบัน และจะต้องถูกกีดกันสั่งสอนตั้งแต่การลงโทษตามกฎหมายและการลงโทษทางสังคม จนถึงการใช้ความรุนแรงเพื่อปราบปรามผู้ไม่ภักดีเหล่านั้น กล่าวอีกทางหนึ่ง ชาติไทยแบบไทย ๆ นี้จึงเป็นชาติที่ไม่จำเป็นต้องมีความชัดเจน แต่หากมีองค์ประกอบใดที่แสดงตัวตรงข้ามความเป็นชาติ สิ่งๆนั้นจะต้องถูกกำจัดออกจากความเป็นชาติอย่างเลี่ยงไม่ได้ ความเป็นชาติไทยจึงอาจถูกเทียบได้กับสมการที่ว่า (อะไรก็ตามแต่ – ความไม่จงรักภักดี = ชาติไทย) นั่นเอง ท้ายที่สุด ผู้คนจำนวนหนึ่งในยุคสมัยปัจจุบันที่เติบโตมากจากความเป็นชาติแบบนี้ซึ่งถูกผลิตซ้ำอย่างจริงจังในยุคสงครามเย็นจึงสมาทานความเป็นชาติไทยตามตำราอย่างเต็มประตู และเมื่อเจอผู้ใดคิดต่าง คน ๆ นั้นย่อมไม่ใช่คนไทยที่ดีและต้องกำจัดอย่างเลี่ยงไม่ได้
Nation with the people’s faces
ถึงแม้ชาติแบบที่กล่าวมาข้างต้นจะเป็นชาติที่ดำรงอยู่ในวาทกรรมกระแสหลักของชาติไทยมาตลอด แต่ในยุคปัจจุบันที่การตีความชาติแบบใหม่ ๆ ภายใต้แกนกลางของวาทกรรมชาติคือประชาชนเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นซึ่งเติบโตมาพร้อมกระแสการเรียกร้องประชาธิปไตยในหลายระลอก การศึกษามองย้อนจุดกำเนิดของชาตินอกมุมมองจากศูนย์กลางจึงได้รับความนิยมมากขึ้น กล่าวในแง่นี้ หนังสือเรื่องเมื่อใดจึงเป็นชาติไทยสามารถตอบโจทย์ต่อผู้ที่ต้องการเสาะแสวงหาการตระหนักรู้ถึงความเป็นชาติไทยในรูปแบบอื่นที่นอกกระแสหลักได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในแง่ที่ว่าส่วนต่าง ๆ ในหนังสือเล่มนี้จะช่วยทลายมายาคติและภูมิศาสตร์ทางความคิดในการเปลี่ยนการมองชาติไทยจากที่ดูเหมือนเป็นปึกแผ่น เป็นชาติไทยที่มีความหลากหลายและมีการต่อสู้ปะทะสังสรรค์ระหว่างชาติตามแบบเรียนกับชาติในมุมของมวลชนส่วนต่าง ๆ ในประเทศไทย กล่าวโดยง่าย หนังสือเล่มนี้จะทำให้เห็นว่าชาติไทยที่มีประชาชนผสมอยู่นั้นไม่ได้มีแค่แบบเดียว และชาติไทยจึงไม่ได้มีเส้นเวลาของการเกิดที่จุดใดจุดหนึ่งบนเส้นตรงของกาลเวลาเสียทีเดียวเหมือนที่ชาติไทยกระแสหลักพยายามกล่อมเกลา
หากจะกล่าวลงในรายละเอียด องคาพยพของกลุ่มที่พยายามนิยามว่าชาติคือประชาชนนั้นมีหลากหลายกลุ่ม และมีหลากหลายจุดกำเนิดของช่วงเวลา โดยเริ่มตั้งแต่กลุ่มที่เป็นที่รู้จักกันดีอย่างกบฏ ร.ศ. 130 และคณะราษฎรที่เป็นกลุ่มแรก ๆ ที่กรุยทางมาตั้งแต่ยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ กลุ่มแนวคิดนิยมสาธารณรัฐ สังคมนิยม และคอมมิวนิสต์ที่พยายามนิยามชาติในมุมของตนเองในพื้นที่ใต้ดิน เรื่อยไปจนถึงกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ที่พยายามยื้อยัดต่อสู้กับอำนาจของชาติจากศูนย์กลาง อาทิ ชาวมลายูในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ชาวลาวหลายกลุ่มที่อาศัยในภาคเหนือและอีสาน ฯลฯ รวมถึงหมู่บ้านอันห่างไกลที่พยายามรักษาความเป็นอิสระของชุมชนตนเองจากศูนย์กลาง ซึ่งต่อมาแม้ประชาชนกลุ่มต่าง ๆ ที่พยายามจะนิยามชาติในรูปแบบที่หลากหลายเหล่านี้จะถูกกีดกัน กดทับ และถูกกำจัดตัวตนออกจากชาติไทยกระแสหลักที่ศูนย์กลางจนทำให้พวกเขาอาจถูกลืมเลือนไปจากความทรงจำร่วมของสังคมไทย และถูกหลอมรวม (assimilate) เข้าเป็นชาติไทยอันเป็นหนึ่งเดียวที่มีเอกภาพตามที่ชนชั้นนำต้องการ ทว่าพลังเหล่านี้ไม่ได้หายไปไหน เพราะพลังเหล่านี้ล้วนหลับใหลและพร้อมปะทุกลับมาอีกทั้งเมื่อมีจังหวะและโอกาสเสมอ
คณะ ‘เก๊กเหม็ง’ สยาม ร.ศ.130
หน้าที่เข้าชม | 198,891 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 132,162 ครั้ง |
เปิดร้าน | 8 เม.ย. 2563 |
ร้านค้าอัพเดท | 22 ต.ค. 2568 |