“ศตวรรษที่ 21 คือศตวรรษของการกลับมาของทฤษฎีมาร์กซิสต์ การศึกษาระบบทุนนิยมและการตั้งคำถามกับความเปลี่ยนแปลง รวมไปถึงความเป็นไปได้ของสังคมคอมมิวนิสต์”
ความสัมพันธ์ระหว่างระบบทุนนิยมและทฤษฎีมมาร์กซิสต์นั้นเป็นไปในลักษณะของคู่แข่งของกันและกันมาตลอดในประวัติศาสตร์ ตราบใดที่ทุนนิยมยังคงมีพัฒนาการและกลไกใหม่ๆ ในการขูดรีดแรงงาน นักทฤษฎีมาร์กซิสต์แและฝ่ายซ้ายทั้งหลายก็ต้องปรับเปลี่ยนกรอบคิดของพวกเขาตามไปด้วย
นับตั้งแต่ทศวรรษ 1960 เป็นต้นมา ระบบทุนนิยมได้พัฒนาไปสู่สิ่งที่เรียกว่า “ระบบทุนนิยมความรับรู้” (cognitive capitalism) ซึ่งเน้นไปที่การผลิตอวัตถุ (immaterial) เช่นความรู้ ความหมาย อารมณ์ความรู้สึก มากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งเหล่านี้ทำให้ความหมายของ “งาน” เปลี่ยนแแปลงไป จากเดิมที่งานถูกมองว่าอยู่เฉพาะภายในโรงงาน แต่งานในระบบทุนนิยมความรับรู้นี้ได้ขยายออกมาสู่สังคมโดยรวมทั้งหมด ทุนนิยมจึงทรงพลังขึ้นอย่างมากจากการที่มันมีอำนาจในการควบคุมสังคมผ่านการผลิตอวัตถุเหล่านี้
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ได้เกิดกลุ่ม Autonomia ซึ่งเป็นกลุ่มของนักคิดและนักทฤษฎีมาร์กซิสต์ขึ้นมาในประเทศอิตาลี กลุ่มคนเหล่านี้มีจุดประสงค์ที่คล้ายคลึงกัน ก็คือการพัฒนาทฤษฎีวิพากษ์ทุนนิยมให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของตัวทุนนิยมเอง เพราะพวกเขามองว่าแนวคิดเดิมๆ อย่างเช่นคลาสสิกมาร์กซิสต์ หรือลัทธิเลนินที่เน้นความเป็นพรรคนั้นไม่อาจนำมาวิพากษ์ระบบทุนนิยมความรับรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกต่อไป
หนังสือ “Autonomia: ทุนนิยมความรับรู้ แรงงานอวัตถุ การเมืองของการปฏิวัติ” ของเก่งกิจ กิติเรียงลาภ จะพาเราไปสำรวจการกำเนิดขึ้นของกลุ่ม Autonomia และแนวคิดของพวกเขาที่พัฒนามาจากมากร์ซิสต์รุ่นก่อนหน้า โดยเฉพาะการวิเคราะห์เรื่องงาน แและแรงงานอวัตถุ ซึ่งเป็นลักษณะงานที่พบเห็นได้ทั่วไปในศตวรรษที่ 21 เช่นการจ้างงานแบบฟรีแลนซ์ที่ดูเหมือนจะมีอิสระเสรี (ตามชื่อ) แต่กลับโดนระบบทุนนิยมขูดรีดเข้าไปในระดับของการใช้ชีวิต และต้องแบกรับต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
“...“อัศวินหอกเสรี” เหล่านี้ “รับจ้างทำงานอยู่ที่บ้านหรือแม้กระทั่งทำงานพาร์ทไทม์ ซึ่งมีเวลาและสถานที่ทำงานที่ไม่แน่นอนตายตัว” เช่น ร้านกาแฟที่มีที่นั่งสบายๆ ใช้บริการไวไฟ (wifi) ฟรี (ที่ไม่ได้ฟรีจริงๆ เพราะรวมอยู่ในต้นทุนการผลิตอยู่แล้ว) จนสามารถฝันเห็นดาวเป็นสีเขียวได้ การทำงานในแบบ “การทำงานที่บ้าน” ที่ทำให้การทำงานที่บ้านและ “การทำงานบ้าน” ซ้อนทับกัน…” (บางส่วนจากคำนิยมขของ รศ.ธเนศ วงศ์ยานนาวา)
หนังสือของเก่งกิจเล่มนี้ จึงไม่ใช่หนังสือที่อธิบายในเชิงทฤษฎีเพียงอย่างเดียว แต่ยังแสดงให้เราเห็นถึงปรากฏการณ์อันเป็นรูปธรรมของยุคสมัย ที่จะช่วยให้เข้าใจลักษณะของระบบทุนนิยมความรับรู้และเชื่อมโยงกับประสบการณ์ของผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อย
ระบบทุนนิยมความรับรู้ คู่หูของการจ้างงานแบบฟรีแลนซ์
เคยคิดกันบ้างไหมว่าอาชีพฟรีแลนซ์ หรือที่ธเนศ วงศ์ยานนาวา เรียกอย่างติดตลกว่า “อัศวินหอกเสรี” นั้น เป็นอาชีพที่มีอิสระเสรีจริงๆ ?
ในปัจจุบันต้องยอมรับว่าการจ้างงานแบบฟรีแลนซ์ได้รับความนิยมมาก อาจจะเป็นเพราะคุณสมบัติการจ้างงานที่เปิดโอกาสให้เหล่าฟรีแลนซ์ได้มีอิสระในการทำงานมากขึ้น หรือที่เรียกกันว่าเป็นนายตัวเอง ในอีกทางหนึ่ง ทางผู้จ้างงานก็ได้รับผลประโยชน์ที่ไม่ต้องมีการทำสัญญาแบบผูกมัด ที่จะพ่วงมาด้วยสวัสดิการต่างๆ ให้กับลูกจ้าง หรือการชดเชยเมื่อมีการไล่ออก นั่นหมายความว่าพวกเขาย่อมแบกรับต้นทุนการผลิตที่น้อยลงไปด้วย
ดังนั้นการจ้างงานแบบฟรีแลนซ์จึงดูเหมือนได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย แต่เมื่อคิดดูดีๆ แล้ว คนที่ทำงานฟรีแลนซ์กลับเสียเปรียบมากขึ้น ในหนังสือ “Autonomia: ทุนนิยมความรับรู้ แรงงานอวัตถุ การเมืองของการปฏิวัติ” ของเก่งกิจ กิติเรียงลาภ ได้อธิบายประเด็นดังกล่าวผ่านวิธีคิดของกลุ่มมาร์กซิสต์ Autonomia ซึ่งเน้นการวิพากษ์ระบบทุนนิยมความรับรู้ และระบบการจ้างงานแบบฟรีแลนซ์นี่เองที่เป็นหนึ่งในผลผลิตที่ระบบทุนนิยมความรับรู้สร้างขึ้นมา
พวกฟรีแลนซ์อาจจะมีอิสระในการทำงานก็จริง พวกเขาสามารถเลือกได้ว่าจะทำงานเมื่อไหร่ หรือที่ไหน สามารถจัดระเบียบชีวิตของพวกเขาให้สอดคล้องกับการทำงาน แต่อีกทางหนึ่งพวกเขาก็ต้องแบกรับต้นทุนการผลิตที่มากขึ้น เช่นการทำงานที่บ้านก็ย่อมตามมาด้วยการจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ค่าอินเทอร์เน็ต ค่ากาแฟด้วยตัวเอง ในขณะที่การจ้างงานของบริษัทนั้นจะมีสวัสดิการเหล่านี้รองรับเป็นปกติ จึงหมายความว่าเหล่าฟรีแลนซ์นั้นถูกตัดออกจากสวัสดิการในการจ้างงานทั้งปวง และต้องดิ้นรนไขว่คว้าหาสวัสดิการเอาเอง เช่นการทำประกันสังคม
ที่แย่ไปกว่านั้น เหล่าฟรีแลนซ์ยังไม่มีเส้นแบ่งระหว่างการทำงานกับการใช้ชีวิตที่ชัดเจน พวกเขาอาจจะทำงานทั้งวันทั้งคืนโดยไม่พักผ่อนก็ย่อมได้ (และแน่นอนว่าถ้าป่วยขึ้นมาก็ต้องจ่ายเงินค่ายาเองหมด) ดังนั้นระบบทุนนิยมจึงไม่ได้ขูดรีดแรงงานเหล่านี้แค่ในพื้นที่โรงงานอีกต่อไป แต่มันได้ขยายการขูดรีดออกไปยังอาณาบริเวณของการใช้ชีวิต ทุนนิยมไม่ได้ขูดรีดแค่แรงกาย แต่ขูดรีดเอาเวลาในการใช้ชีวิตด้วย
เหล่าคนทำงานสร้างสรรค์ที่อยู่ในระบบการจ้างงานแบบฟรีแลนซ์นั้น จึงมีสภาพไม่ต่างจากศิลปิน เพราะศิลปินถือว่าเป็นคนกลุ่มแรกๆ ที่มีลักษณะการทำงานที่ไร้เส้นแบ่งของชีวิตกับงานเช่นนี้ ดังนั้น Joseph Beuys ผู้ซึ่งเป็นศิลปินจึงป่าวประกาศอย่างกึกก้องว่า “เราทุกคนก็คือศิลปิน” เพราะเราล้วนอยู่ในระบบการจ้างงานแบบศิลปิน ศิลปินจึงไม่อาจแยกขาดออกจากการเรียกร้องความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจได้อีกต่อไป
ระบบทุนนิยมความรับรู้ได้เปลี่ยนให้เรากลายเป็นศิลปิน (ที่ไม่ได้มีความสูงส่งอันใด) และขูดรีดทุกมิติของชีวิตเรา ดังนั้นการทำความเข้าใจลักษณะของทุนนิยมความรับรู้และการผลิตอวัตถุ ก็จะช่วยให้เราเห็นถึงแนวทางการต่อสู้เพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพการทำงานของเหล่าฟรีแลนซ์ที่น่าหดหู่เช่นนี้ และเพื่อเรียกคืนชีวิตและอิสรภาพที่แท้จริงกลับคืนมา
“ฟรีแลนซ์ทั้งผองจงรวมตัวกัน! ” - เก่งกิจ กิติเรียงลาภ
ทำความรู้จัก เก่งกิจ กิติเรียงลาภ
รศ.ดร.เก่งกิจ กิติเรียงลาภ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งอาจารย์อยู่ที่ภาคสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยเก่งกิจมีความเชี่ยวชาญและสนใจเกี่ยวกับทฤษฎีสังคม แรงงาน และการวิพากษ์ทุนนิยมในแนวมาร์กซิสต์ เขาเป็นหนึ่งในบรรดานักวิชาการรุ่นใหม่ๆ ที่มีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ความโดดเด่นของเก่งกิจก็คือ การพยายามนำเอากระแสความคิดใหม่ๆ ในโลกตะวันตกเข้ามาสู่สังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นแนวคิดแบบมากร์กซิสต์ แนวการศึกษาแบบหลังมนุษย์นิยม (post-humanism) รวมไปถึงทฤษฎีการเมืองและการเคลื่อนไหวแบบคอมมิวนิสต์ ซึ่งผลงานเหล่านี้ก็ถูกเผยแพร่ออกมามากมายทั้งในรูปแบบบทความวิชาการ หนังสือ และงานแปล
หนังสือ “Autonomia: ทุนนิยมความรับรู้ แรงงานอวัตถุ การเมืองของการปฏิวัติ” ถือเป็นอีกหนึ่งความพยายามของเก่งกิจที่ต้องการนำเอาความคิดใหม่ๆ เกี่ยวกับการวิพากษ์ระบบทุนนิยมเข้ามาสู่สังคมไทย ด้วยการพูดถึงกลุ่ม Autonomia ของอิตาลี และการขยับขยายกรอบคิดเรื่อง “งาน แรงงาน และอวัตถุ” ที่จะช่วยให้เราเข้าใจลักษณะของระบบทุนนิยมความรับรู้มากขึ้น
ปัจจุบันเก่งกิจมีผลงานร่วมกับสำนักพิมพ์ Illuminations Editions ดังนี้
หน้าที่เข้าชม | 198,891 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 132,162 ครั้ง |
เปิดร้าน | 8 เม.ย. 2563 |
ร้านค้าอัพเดท | 22 ต.ค. 2568 |