วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม 2559 เวลา 14.00 – 16.00 น.
ณ ห้องคลังความรู้ ชั้น 2 อาคารสำนักงาน มิวเซียมสยาม
ถาม : ประเด็นที่ผมขออนุญาตถามที่เดียว เพราะว่าเดี๋ยวท่านอื่นจะถามต่อก็มีอยู่ 3 ประเด็นใหญ่ๆ ที่ผมอยากจะรู้ก็คือ ประเด็นที่ 2 ที่อาจารย์พูด ผมพอสรุปได้ว่า ความเป็นชาตินิยมหรือสำนึกความเป็นพม่าส่วนหนึ่งมันถูกผนวกเข้ามาในเรื่องของการเป็นศาสนาพุทธ การเป็นพุทธมามกะเพราะฉะนั้นสมการก็คือ “คนพม่าเท่ากับคนพุทธ” อันนี้เป็นเหตุหนึ่งรึเปล่าที่ทำให้นางออง ซาน ซู จี หรือ ด่อ ซู อาจจะไม่ได้เป็นประธานาธิบดี (อนึ่งในการเลือกตั้งทั่วไปปี พ.ศ. 2558 พรรค NLD ของซู จี ได้คะแนนเสียงทั้งประเทศ 86% (255 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร และ135 ที่นั่งในสภาเชื้อชาติ) ทว่า เธอซึ่งเป็นประธานพรรค NLD ไม่สามารถดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเนื่องจากมีข้อห้ามในรัฐธรรมนูญ- หมายเหตุผู้ถอดเทป)

ลลิตา หาญวงษ์ จากการเสวนาเรื่องพม่าฯ ที่ Museum Siam
เบื้องหลังด้วยท่าทีในตำแหน่งที่เป็นเหมือนประธานาธิบดี เธอไม่กล้าพูดเรื่องนี้เลยว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในอาระกันหรือในยะไข่ พูดตรงๆ ก็คือการไปละเมิดสิทธิของชาวโรฮิงญา ซึ่งประเด็นนี้ในไทยและในมาเลเซียพลอยที่จะต้องเดือดร้อนไปด้วยจากการที่มีผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญา
และประเด็นสุดท้าย บทบาทของสงฆ์ในพม่า ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นบทบาทที่เด่นมาก แม้กระทั้งคนที่เป็นพุทธมามกะหรือพุทธด้วยกันอาจจะไม่เท่า แม้ว่าในศรีลังการอาจจะมีบทบาทบ้าง แต่ก็อาจจะไม่ได้เหมือนอย่างในพม่าก็คืออย่างกรณีของพระวิราทูซึ่งเขาเป็นแกนนำในการที่จะบอกว่า “ ที่ไหนก็ตามที่คนมุสลิมไปรังแกคนพม่าคนพุทธก็เป็นสิทธิ์อันชอบธรรมว่าคนพุทธสามารถที่จะไปฆ่าหรือไปเผาบ้านของคนมุสลิมได้ ” ตรงนี้เป็นเรื่องที่แตกต่าง ผมมองว่าในไทย พระสงฆ์ไทยถูกจำกัด คือหนึ่งพระสงฆ์ไม่มีสิทธิเลือกตั้ง แต่ในขณะเดียวกันพระสงฆ์ไทยถูกเกณฑ์ทหารได้
ตอบ : คำถามที่ 2 ชาตินิยมพม่ามันเกิดขึ้นมาบนพื้นฐานของความเป็นชาวพุทธ อันนี้ดิฉันเห็นด้วยเป็นพิเศษและในกรณีที่ว่าทำไมออง ซาน ซู จีไม่ออกมาพูดเรื่องโรฮิงญาเลยหรืออะไรพวกนี้ คือ ALD (Arakan League for Democracy) หาเสียงมานานมาก หาเสียงมาเกือบปี ก่อนหน้านี้เราจะได้ยินว่าออง ซาน ซู จีถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสำนักข่าวต่างประเทศอยู่เยอะมาก ดิฉันเคยแปลเนื้อหาข่าวรอยเตอร์ (Reuters) ชิ้นหนึ่งที่ตัดพ้อว่า “เธอไปอยู่ที่ไหนมา เธอไปทำอะไร ทำไมเธอไม่ออกมาพิทักษ์สิทธิของคนโรฮิงญาเลย ไหนเธอบอกว่าเธอเป็นผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพไง หรือว่าเธอเลือกปฏิบัติเฉพาะชาวพุทธ ไม่เห็นคนเท่ากัน” เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากในวงการสิทธิมนุษยชนระดับโลก มันมีเหตุผลหลักๆ ที่ออง ซาน ซูจี ไม่สามารถออกมาพูดเรื่องโรฮิงญาได้เลย
คนพุทธในพม่า ลองไปถามได้ ไม่ว่าจะเป็นคนชนชั้นกลาง ชนชั้นล่าง หรือชนชั้นไหนก็แล้วแต่จะมองคนมุสลิมในทางลบ คือบางทีดิฉันอ่านโพสใน Facebook อาจารย์ชาวพม่าที่โพสเกี่ยวกับคนโรฮิงญา ดิฉันรู้สึกเลยว่ามันขนาดนั้นเลยหรอ? คนที่มีการศึกษา คนที่เคยไปเรียนเมืองนอกมา หรืออาจารย์ของดิฉันที่สอนชาวต่างชาติ สอนภาษาพม่าให้ชาวต่างชาติเป็นอาชีพหลัก วิธีคิดก็คือว่าต้องปกป้องอัตลักษณ์และเอกลักษณ์ของพม่า จะไม่ยอมให้ประเทศพม่าเป็นประเทศของมุสลิมหรือคนโรฮิงญา แล้วก็จะปฏิเสธว่าคนโรฮิงญาไม่เคยมีพื้นที่อยู่ในประวัติศาสตร์ของพม่า คนโรฮิงญาเป็นคนที่เข้ามาในรัฐอาระกัน (Arakan) ใหม่ ไม่ใช่คนที่เข้ามาตั้งรกรากตั้งแต่แรก

ผู้อพยพชาวโรฮิงยา
แต่ว่าเมื่อวาน อันนี้เสิร์ชดูน่าสนใจมาก มีศาสตราจารย์ชาวอเมริกันท่านหนึ่งเขาไปพูดในที่ประชุมเพื่ออัพเดตเกี่ยวกับเรื่องพม่าที่อ๊อกฟอร์ด ท่านยืนยันและคอนเฟิร์มมาแล้วว่า ตั้งแต่ศตวรรษที่ 14-15 คนโรฮิงญามีพื้นที่และมีตัวตนอยู่ในรัฐอาระกันแล้ว อันนี้ถือเป็นข้อเสนอที่ใหญ่มาก นักวิชาการตะวันตกแทบจะไม่เคยมีใครออกมาฟันธงเรื่องนี้ เรื่องนี้จะเป็นประเด็นที่ทางรัฐบาลทหารพม่าและองค์กรพุทธชาตินิยมจัดๆ จะออกมาต่อต้านว่าคนโรฮิงญานั้นเพิ่งเข้ามาใหม่ พวกเขาไม่ควรจะมีสัญชาติ แต่ว่าศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ ไมเคิล ชาร์นี่ ( Michael W. Charney) ที่เขียนเรื่อง A History of Modern Burma (Cambridge: Cambridge University Press, 2009) ออกมายืนยันแล้วว่าจริงๆ แล้ว คนโรฮิงญามีตัวตนและมีพื้นที่อยู่ในประวัติศาสตร์ของรัฐอาระกัน ตั้งแต่ศตวรรษที่ 14-15 แล้ว คือนอกจากนี้คนอาระกันหรือคนยะไข่เองก็เป็นคนที่เข้ามาใหม่พร้อมๆ กับคนโรฮิงญา เพราะฉะนั้นเราไม่สามารถพูดได้ว่าคนยะไข่เป็นเจ้าของรัฐอาระกัน เขาก็จะพูดประมาณนี้
การพูดถึงโรฮิงญาเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก คนพุทธพม่าพร้อมที่จะไม่เลือก NLD (National League for Democracy) ถ้าออง ซาน ซู จีออกมาพูดเรื่องนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนจริงๆ บางทีเราก็ไม่อยากจะเชื่อว่าทำไมเรื่องแค่นี้ถึงกลายเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนในประเทศพม่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฝ่ายการเมืองจะไม่พูดถึงเลย แม้จะได้รับความกดดันจากนักข่าวต่างชาติก็ตาม เพราะถ้าออง ซาน ซู จีพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เขาก็จะพูดเหมือนที่มีข่าวหลุดออกมาว่า ออง ซาน ซู จีพูดจาดูถูกนักข่าว BBC ที่เป็นชาวมุสลิม โดยพูดแบบเปรยๆ ว่า “ทำไมไม่บอกฉันก่อนว่าจะมีนักข่าวมุสลิมมาสัมภาษณ์ฉัน” พูดในเชิงกร้าวนิดหนึ่ง ก็เลยเป็นประเด็นไปทั่วโลก จริงๆ แล้ว ก็มีการวิเคราะห์กันว่าออง ซาน ซู จีก็ไม่ได้มีทัศนคติที่ดีต่อคนโรฮิงญาอยู่แล้ว และก็มีเรื่องของฐานเสียง เป็นเรื่องของความนิยมใน NLD คนที่นิยมใน NLD ส่วนใหญ่เป็นคนพุทธคนพม่า
บทบาทของสงฆ์เด่นมาก เพราะอะไร? พูดกันตามตรงก็คือสงฆ์ในพม่าอยู่กันแบบตามมีตามเกิดมานานมาก เมื่อเราลองมองย้อนกลับมาในประเทศไทย สงฆ์ได้รับการอุปถัมภ์จากราชสำนัก ดังที่เห็นได้จาก รัชกาลที่ 4 เคยออกผนวชและมีการตั้งธรรมยุติกนิกาย กล่าวง่ายๆ เลยก็คือสงฆ์นั้นเป็นส่วนหนึ่งและเป็นกรณียกิจหนึ่งของพระมหากษัตริย์ไทย แต่ในกรณีของพม่า กษัตริย์องค์สุดท้ายถูกคับไล่ไปอยู่อินเดียตั้งแต่ปี 1885 บทบาทของสงฆ์หลังจากนั้นจึงไม่ได้มีพื้นที่อยู่บนยอดสูงสุดของพีระมิด ยอดสูงสุดนั้นเป็นของชาวตะวันตก สงฆ์จึงอยู่แบบตามมีตามเกิด
แล้วอังกฤษเองก็ไม่ได้แต่งตั้งสังฆราช ก่อนหน้านี้ก็มีสังฆราชที่เรียกว่า ตาตะนาบาย (Thathanabaing) แต่ว่าหลังจากที่สังฆราชองค์สุดท้ายมรณภาพไปก็ไม่มีการแต่งตั้งองค์ใหม่ก็เลยทำให้หัวหน้าของสงฆ์นั้นขาดช่วงไป จนกระทั้งเมื่อไม่นานมานี้มีผู้นำสงฆ์หรือพระสงฆ์ที่คนพม่าให้ความรู้สึกว่าท่านคือผู้นำพอได้ฟังเทศน์แล้วเคลิ้ม คือพระวีระธู เวลาไปที่ไหนของพม่าจะเห็นว่ามีซีดีหรือดีวีดีขายอยู่เต็มไปหมด เหมือนกับเป็นพระพยอมในสมัยก่อน คือคนพม่าเขาฟังเทศน์ เขาจะเปิดซีดีหรือดีวีดีฟังในชีวิตประจำวันจริงๆ เขาไม่เหมือนคนไทยที่จะฟังวิทยุหรือฟังเพลง แม้แต่คนหนุ่มสาวในพม่าเองเขาก็ฟังพระเทศน์

และก็มีอยู่บ่อยครั้งที่เวลาพระเทศน์จะเทศน์เข้าเรื่องการเมือง เมื่อพูดถึงเรื่องพระพุทธศาสนาก็จะเข้ามาแตะเรื่องอัตลักษณ์ของความเป็นพม่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเซนซิทีฟมาก ความเป็นพม่าแท้ ความเป็นพม่าแท้ในที่นี้ไม่ใช่ความเป็นประเทศพม่า แต่ความเป็นพม่าแท้นั้นคือความเป็นพม่าในชนชาติเบอร์ม่า (Burma) ไม่ใช่ฉาน ไม่ใช่กะเหรี่ยง ไม่ใช่ฉิ่น ไม่ใช่มุสลิม แต่เป็นพม่าที่เป็นคนพุทธ มันเลยเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนที่ทำให้ศาสนาพุทธในปัจจุบันมีบทบาทมากขึ้น เพราะมันขับให้มองเห็นว่าคนอื่นหรือชนชาติอื่นไม่ใช่ “ฉัน” และ “ฉัน” ควรจะเป็นเจ้าของประเทศ ซึ่งความรู้สึกนี้มีมาตั้งแต่สมัยยุคอาณานิคม ความขัดแย้งระหว่างโรฮิงญา ดิฉันมักจะใช้เครื่องหมายคำพูดอยู่บ่อยๆ เพราะว่าคำว่า “โรฮิงญา” เป็นคำที่คนพม่าไม่เห็นด้วย เขาจะบอกว่าคน “โรฮิงญา” นั้นไม่เคยมีอยู่จริง คุณไม่ควรใช้คำนี้ คุณควรใช้คำว่า “เบงกาลี (Bengali)” ซึ่งหมายความว่าคนที่อพยพมาจากแคว้นเบงกอลในบริชติชอินเดียมากกว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่เซนซิทีฟและเป็นประเด็นที่ดิฉันเชื่อว่าท้าทายความสามารถและการประสานประโยชน์ของรัฐบาลภายใต้การนำของ NLD ในยุคปัจจุบันอย่างยิ่ง