โดย เจษฎา บัวบาล
รัฐฆราวาสไม่ได้ไกลเกินฝัน
เฮเลน เจมส์ (Helen James) มองว่าเป็นการยากที่จะอธิบายให้คนไทยและพม่าเข้าใจหรือเห็นด้วยกับแนวคิดเรื่องฆราวาสนิยม (secularism) เพราะอัตลักษณ์ที่ผูกโยงอยู่กับศาสนาทำให้พวกเขาเห็นว่าศาสนาสำคัญมากและพร้อมจะกีดกันหรือเอาเปรียบผู้นับถือศาสนาอื่น (เก็บความจากหนังสือ น.10-11) นี่อาจเป็นเรื่องที่พบได้ทั่วไปในประเทศที่ไม่ใช่รัฐฆราวาส แต่เป็นรัฐที่ยังเลือกสนับสนุนศาสนา ซึ่งศาสนิกที่เป็นคนกลุ่มใหญ่มักจะได้เปรียบ
รูปที่ 1. ที่มา https://www.facebook.com/policybypeople
อย่าให้การต่อต้านตะวันตกปิดทางสู่การเป็นรัฐฆราวาส/หลังฆราวาส
การพูดว่า “สิ่งนั้นเป็นเรื่องของตะวันตก บริบททางสังคมไม่เหมือนเรา เราต้องไม่เป็นอาณานิคมเขา" ดูจะเป็นประโยคที่ใช้ได้กับทุกเรื่อง
จริงอยู่ว่าความต้องการปลดปล่อยสังคมออกจากการควบคุมของศาสนจักร (laicization) เกิดในตะวันตก (น. 42) แต่ก็สามารถใช้เป็นแนวทางในการสร้างอิสรภาพในพื้นที่อื่น ๆ
เรายอมรับไหมว่า คนไม่ควรถูกเลือกปฏิบัติเพราะศาสนาที่เขานับถือ รัฐไม่ควรเอาเงินภาษีไปสนับสนุนการเผยเเพร่ศาสนาหนึ่ง หรือรัฐไม่ควรออกกฎหมายที่วางบนหลักการศาสนาหนึ่งแล้วใช้กับทุกคน ฯลฯ นี่คือสิ่งที่เรียกว่า รัฐฆราวาส (Secular state)
รูปที่ 2. ที่มา https://prachatai.com/journal/2021/11/96046
ในทางตรงกันข้าม รัฐศาสนาเเบบที่ไทยเป็น จะออกกฎหมายห้ามขายเหล้าในวันสำคัญทางศาสนา ซึ่งกระทบต่อคนศาสนาอื่นและคนไม่เชื่อศาสนา สิ่งนี้อาจไม่ชัดเพราะมักอ้างเรื่องสุขภาพเเละความปลอดภัยที่ใช้ได้กับทุกคน (แต่อิงกับศาสนาพุทธ)
ถ้าเราจินตนาการใหม่ว่าเป็นรัฐอิสลามและออกกฎหมายห้ามขายหมู เราจะรู้สึกเดือดร้อนมากขึ้น รวมทั้งกฎหมายอื่น ๆ เช่นการรับมรดกที่เพศหญิง/ชายมีสิทธิไม่เท่ากัน หรือการไม่ยอมให้มีสมรสเท่าเทียม เป็นต้น
หลักการเรื่องรัฐฆราวาส/หลังฆราวาสวางอยู่บนเเนวคิดประชาธิปไตย ที่มองว่ามนุษย์มีเสรีภาพที่จะเลือกเชื่อ/ไม่เชื่อและเเสดงออกได้แม้เขาจะเป็นคนกลุ่มน้อยหรือต่างไปจากคนอื่น
เเน่นอนว่าการพยายามเป็นสังคมแบบฆราวาสอย่างเข้มข้น ดังกรณีการห้ามคลุมผมของมุสลิมในฝรั่งเศสก็นำไปสู่การละเมิดเสรีภาพคนในที่สาธารณะได้ นั่นจึงเป็นที่มาของการเสนอให้ต้องมีพื้นที่สาธารณะ (public sphere) เพื่อคนจะได้มาคุยกัน กล่าวคือ เมื่อเห็นข้อจำกัดของสังคมแบบฆราวาส ฮาเบอร์มาสจึงเสนอสังคมแบบหลังฆราวาส (post-secular society)
รูปที่ 3. ชาวฝรั่งเศสประท้วงนโยบายนโยบายห้ามผู้หญิงมุสลิมสวมฮิญาบในที่สาธารณะ ที่มา https://time.com/6049226/france-hijab-ban/
หนังสือเล่มนี้จึงไม่ควรถูกมองข้ามหรือปล่อยผ่านเพราะเชื่อว่า สังคมไทยไม่มีทางเป็นสังคมแบบฆราวาสหรือหลังฆราวาสได้ เพราะแนวคิดเรื่องเสรีภาพทางศาสนา การละเมิดสิทธิของศาลนิกกลุ่มใหม่ ๆ ที่เชื่อต่างจากกระเเสหลักโดยเจ้าหน้าที่รัฐและความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับศาสนา เป็นประเด็นที่พูดถึงกันมากในปัจจุบัน ฉะนั้นหากเรากลัวที่จะมีสังคมแบบฆราวาส เราลองมาให้ความสนใจกับข้อเสนอของฮาเบอร์มาสที่เสนอสังคมแบบหลังฆราวาสดู ซึ่งให้พื้นที่กับศาสนามากขึ้นด้วย
ทำไมต้องมาพูดกันเรื่อง สังคมแบบฆราวาส/หลังฆราวาส
การก่อการร้ายในนามศาสนา การอพยพของมุสลิมในยุโรป หรือการฆ่าผู้วิจารณ์ศาสนาเพราะรู้สึกว่ารัฐฆราวาสไม่สามารถคุ้มครองศาสนาของตน ได้นำไปสู่การหาวิธีว่าศาสนิกกับอศาสนิกจะอยู่ร่วมกันได้อย่างไร
รูปที่ 4. เศษซากหน้าสำนักงานชาร์ลีแอบโด (Charlie Hebdo) ในกรุงปารีส ซึ่งพิมพ์นิตยสารล้อเลียน ที่มักเผยแพร่ภาพนบีมุฮัมมัดที่ล่อแหลมอยู่บ่อยครั้ง จนวันที่ 7 มกราคม ค.ศ. 2015 มือปืนสวมหน้ากากสองคน ติดอาวุธปืนอาก้า, ปืนลูกซอง และเครื่องยิงจรวดอาร์พีจีได้บุกสำนักงาน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 12 ราย และมีผู้บาดเจ็บอีกหลายราย; ที่มา Wikimedia Commons
ทำไมการที่รัฐสนับสนุนทุกศาสนายังไม่ยุติธรรม? คำตอบคือ เพราะศาสนาไม่ได้มีเพียงศาสนาใหญ่ ๆ ที่รัฐรับรองเท่านั้น ยังมีความเชื่อท้องถิ่นอีกนับไม่ถ้วน และในศาสนาหนึ่ง ๆ ก็มีนิกาย/ความเชื่ออื่น ๆ อีกมาก การบังคับเรียนศาสนาในโรงเรียนจึงไม่ยุติธรรม แม้จะเเบ่งกลุ่มนักเรียนตามศาสนา เช่น กรณีของอินโดนีเซีย
Secular state จึงไม่ได้น่ากลัว แน่นอนว่ามันมีปัญหาหากรัฐเข้มงวดจนทำให้ศาสนิกแสดงตัวตนลำบาก เช่น ห้ามมุสลิมคลุมผม และนี่จึงนำมาสู่การคิดหาทางออกแบบสังคมหลังฆราวาสที่หนังสือเล่มนี้เสนอ
รูปที่ 5. ผู้หญิงชาวมุสลิมในอินเดียที่ประท้วงนโยบายของพรรค BJP ที่ห้ามการสวมฮิญาบในที่สาธารณะ
ข้อเสนอของฮาเบอร์มาสเรื่องสังคมแบบหลังฆราวาสวางอยู่บนแนวคิดประชาธิปไตยแบบปรึกษาหารือ นั่นคือไม่ใช่เเค่การเลือกผู้เเทนเข้าสภาเท่านั้น ต้องมีการเปิดพื้นที่สาธารณะให้คนที่ศรัทธาและไม่ศรัทธาหรือต่างความเชื่อได้พูดคุยกันในชีวิตประจำวัน เมื่อพลเมืองมีนิสัยชอบพูดคุยเเลกเปลี่ยนกันแม้แบบไม่เป็นทางการ (informal) ความเข้มแข็งของพลเมืองก็จะช่วยผลักดันให้ประเด็นปัญหานั้น ๆ เข้าสู่สภาซึ่งเป็นพื้นที่ที่เป็นทางการได้ (formal)
การเเปล (translating) ของฮาเบอร์มาสจึงหมายถึงการทำให้สิ่งนั้นเข้าใจได้ง่าย หรือแปลจากภาษาศาสนาสู่ภาษาทางโลก แน่นอนว่า การแปลจะเลี่ยงการตีความ (interpreting) ได้ยาก คือเเต่ละคนจะเข้าใจตัวบทของศาสนาไม่เหมือนกัน (น.195) แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะฮาเบอร์มาสมองการแปลว่าเป็นกระบวนการของการเรียนรู้ที่คนในสังคมมีร่วมกัน และสิ่งนี้ก็จะลดความขัดแย้งที่สังคมอดีตไม่ส่งเสริมให้พวกเขาคุยเรื่องศาสนากันในที่สาธารณะ
รูปที่ 6. หนังสือ Postmetaphysical Thinking ฉบับภาษาอังกฤษของฮาเบอร์มาส
สิ่งนี้ยังนำไปสู่การเปิดกว้างในการถกเถียงประเด็นศาสนาที่ไม่ควรมองว่า คำสอนของผู้รู้ศาสนาเท่านั้นที่ถูกต้อง แต่ควรรับฟังเหตุผลของคนอื่น ๆ ที่สนทนาด้วย ฮาเบอร์มาสยังเสนอว่า ความมีเหตุผลของมนุษย์ที่เสนอโดยคานท์ ดูจะเป็นลักษณะสากลที่ติดตัวมา (transcendental philosophy) ซึ่งเขาเเย้งว่า ความมีเหตุผลน่าจะเป็นสิ่งที่มนุษย์พัฒนาขึ้นจากการสนทนาหรือสื่อสารกับผู้อื่นมากกว่า (detranscendentalized use of reason) (น.157)
ตัวอย่างนี้อาจเห็นได้ชัดในการปฏิรูปศาสนาของโปรเตสเเตนต์ หรือการพูดของดาไลลามะที่ว่า "ศาสนาของฉันเรียบง่าย ไม่ต้องมีวัด ไม่ต้องมีปรัชญาที่ซับซ้อน สมองและหัวใจของเราคือวัด หลักการก็คือความเมตตา" (Piburn, 1990)
รูปที่ 7. หนังสือ The Dalai Lama a Policy of Kindness: An Anthology of Writings by and About the Dalai Lama
ทั้งนี้ แนวคิดของฮาเบอร์มาสก็ถูกวิจารณ์ไว้ว่า การเสนอให้ศาสนิกต้องแปลความเชื่อ/หลักการศาสนาของตนออกเป็นภาษาทั่วไป ที่คนอื่นเข้าใจได้ง่ายเป็นการสร้างภาระที่ไม่เท่าเทียม คือ เป็นภาระของศาสนิกอยู่ฝ่ายเดียว ทั้งที่อศาสนิกก็ควรพยายามทำความเข้าใจภาษา/วิธีคิดของศาสนิกด้วย
______________________________________________________
อ้างอิง
Piburn, S. (Ed.). (1990). Policy of kindness: An anthology of writings by and about the Dalai Lama. Shambhala.
Thai PBS. (2019). ยกเลิกวิชาพุทธศาสนาเป็นวิชาบังคับ. นโยบาย By ประชาชน. เข้าถึงจาก https://www.thaipbs.or.th/program/PbyP/episodes/58486.
เจษฎา บัวบาล. (2020). ถ้าพระราชาทรงธรรม .. เเล้วไง? เข้าถึงจาก https://prachatai.com/journal/2020/09/89748.
พิพัฒน์ พสุธารชาติ (บรรณาธิการ). 2562. ฮาเบอร์มาสกับสังคมแบบหลังฆราวาส. กรุงเทพฯ: Illuminations Editions.
หน้าที่เข้าชม | 198,891 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 132,162 ครั้ง |
เปิดร้าน | 8 เม.ย. 2563 |
ร้านค้าอัพเดท | 22 ต.ค. 2568 |