โดย จันทรา ธนะวัฒนาวงศ์
หนังสือแปล “ชายแดน ฉบับกระชับ” โดยอเล็กซานเดอร์ ดีเนอร์ และโจซัว ฮาเกน ผู้เขียน แปลเป็นฉบับภาษาไทยโดย ธนเชษฐ วิสัยจร เป็นหนังสือที่สำหรับผู้อ่านที่เข้าใจว่า ชายแดน คือ เส้นแบ่งเขตระหว่างประเทศที่สะท้อนให้เห็นถึงบริเวณที่เป็นที่สิ้นสุดของประเทศหนึ่งและเป็นจุดเริ่มต้นของอีกประเทศหนึ่ง ซึ่งความหมายนี้มีนัยยะสำคัญว่า “ชายแดน” มักเป็นสิ่งที่ถูกกล่าวอ้างโดยรัฐ-ชาติ ภายใต้ข้อถกเถียงที่สัมพันธ์กับอธิปไตยที่ครอบคลุมประเด็นด้านความมั่นคง การอ้างกรรมสิทธิ์เหนือคน สัตว์ และสิ่งของโดยรัฐ-ชาติ
รูปที่ 1. ชายแดนของชาวสุเมเรียน (ประมาณ 4000 ปีก่อนคริสตกาล)
ระบบรัฐ-ชาติสมัยใหม่ที่สถาปนาขึ้นในยุโรปและขยายแนวคิดที่ผ่านการล่าอาณานิคมในศตวรรษที่ 19 และศตวรรษที่ 20 ทำให้ดินแดนต่าง ๆ ถูกผนวกเข้าสู่ความเข้มข้นของการจัดการดินแดน ซึ่งเกี่ยวพันกับอำนาจอธิปไตย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสำคัญของชายแดนในฐานะพื้นที่ความมั่นคงระหว่างหน่วยทางการเมือง 2 แห่งที่ทั้งแบ่งแยกกันและบ่อยครั้งมีปฏิสัมพันธ์กันทำให้ชายแดนในโลกสมัยใหม่ทำหน้าที่ออกเป็น 4 รูปแบบ (Berg and Houtum: 2003, P.14)
1.ชายแดนที่เป็นพื้นที่ของความเป็นศัตรูกัน (alienated borders) หน้าที่นี้จะเกิดขึ้นเมื่อมีความตึงเครียดเกิดขึ้นและชายแดนจะทำหน้าที่ปิดกั้นการเข้า-ออกของทุกสิ่ง เช่น เมื่อครั้งยุคสงครามเย็น
2.ชายแดนที่ดำรงอยู่ร่วมกัน (co-existent borderlands) เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนที่มีเสถียรภาพเป็นครั้งคราว ซึ่งนำไปสู่โอกาสของการเปิดพื้นที่ให้มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันเพียงเบาบาง
3.ชายแดนที่พึ่งพาอาศัยกัน (interdependent borderlands) เป็นพื้นที่ซึ่งความมีเสถียรภาพค่อนข้างคงที่เกือบตลอดเวลา ส่งผลให้เกิดปฏิสัมพันธ์ทั้งทางเศรษฐกิจและสังคมขึ้น
4.ชายแดนที่บูรณาการเข้าหากัน (integrated borderlands) เป็นพื้นที่ซึ่งเสถียรภาพมีความมั่นคงและถาวร เศรษฐกิจของรัฐทั้งสองจะควบรวมเข้าหากัน รวมทั้งการเคลื่อนย้ายของผู้คนก็ไม่เข้มงวดนัก
หนังสือเล่มนี้ ชี้ให้เห็นว่าหน้าที่ “ชายแดน” เพื่อประกันความมั่นคงของรัฐสมัยใหม่ข้างต้น ถูกท้าทายด้วยโลกาภิวัตน์ การข้ามแดนของผู้คน สิ่งของ ทุนที่ทำให้ชายแดนเป็นทำหน้าที่ตัวคัดกรองที่ไม่สมบูรณ์ เนื่องจากประเภทของคน วัฒนธรรม และทุน ที่ข้ามแดนเป็นตัวส่งสัญญาณว่าชายแดนจะทำหน้าที่อย่างไร ชายแดนที่ผ่อนคลายปรากฏตัวขึ้นกับกลุ่มคนที่มีทักษะทางวิชาชีพ (skill) ทุนจากบรรษัทขนาดใหญ่ ขณะที่ชายแดนที่เข้มงวดถูกนำมาใช้กับบรรดาผู้อพยพ ชนกลุ่มน้อยตามแนวชายแดน และผู้ลี้ภัย ชายแดนที่เป็นมิตรกับบรรดานักท่องเที่ยว ได้เปลี่ยนแปลงไปเมื่อภูมิทัศน์การเมืองโลกสั่นคลอนจากเหตุการณ์ 9/11 ทำให้หนังสือเดินทาง วีซ่า และเอกสารระบุอัตลักษณ์บุคคลกลายเป็นสิ่งสำคัญมากขึ้น จึงพบปฏิบัติการของการทำหน้าที่ของชายแดนที่หลากหลายในโลกยุคปัจจุบัน
รูปที่ 2. รั้วกั้นระหว่างสำนักงานตำรวจตระเวนชายแดนซานดิเอโกในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา (ซ้าย) และเมืองติฮัวนา เม็กซิโก (ขวา)
ความน่าอัศจรรย์ใจ จากการอ่านหนังสือเล่มนี้ อีกประการคือ การข้ามแดนของมนุษย์เป็นทั้งสิ่งที่ท้าทายต่อหน้าที่ของชายแดน และคนที่ข้ามแดนในหลายกรณีในหนังสือเล่มนี้ชี้ชวนให้เห็นว่า ร่ายกายของมนุษย์เองก็เป็นองค์ประธานที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ารัฐ ในการขยายหรือขีดเส้นบ่งบอกเขตขันธ์ใหม่ให้เกิดขึ้น เช่น กรณีเครือข่ายผู้พลัดถิ่นชาวอาร์มาเนียที่อยู่ต่างแดนรู้สึกถึงความเป็นชาติและปรารถนาที่จะกลับสู่มาตุภูมิหลังได้รับเอกราชจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียด แต่ก็มีอีกหลายกลุ่มที่ตั้งรกรากในต่างดินแดนจนก่อตั้งเป็นองค์กรผู้พลัดถิ่น และส่งเงินกลับเพื่อช่วยมาตุภูมิตนเอง เป้าหมายจึงไม่ใช่การอพยพกลับ แต่กลายเป็นการขยาย “ชายแดน” ประเทศบ้านเกิดตนเองในดินแดนต่างถิ่นที่หล่อเลี้ยงไว้ด้วยวัฒนธรรมและความรู้สึกชาตินิยมที่ตอกย้ำความเกี่ยวเนื่องกับบ้านเกิดเมืองนอน
รูปที่ 3. TIDEL Park เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษขนาดใหญ่ด้าน IT ที่เจนไน เมืองหลวงของรัฐทมิฬนาฑู ประเทศอินเดีย
สิ่งที่เป็นประเด็นสำคัญสำหรับผู้สนใจแนวคิดชายแดน การแบ่งเขตแดนที่หนังสือเล่มนี้เผยให้เห็นคือ ความเป็นชายแดนมีหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นชายแดนที่แบ่งระหว่างรัฐ ชายแดนที่ขีดแบ่งในระดับต่ำกว่ารัฐ เช่น เขตเศรษฐกิจพิเศษที่กล่าวถึงข้างต้น เขตเลือกตั้ง สำมะโนประชากร การกระจายอำนาจที่มีนัยยะของการแบ่งอำนาจอธิปไตยของรัฐลงมาในหน่วยการเมืองที่อยู่ระดับต่ำกว่ารัฐ ชายแดนทางธรรมชาติ เช่นอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า รวมถึงชายแดนในโลกไซเบอร์ ที่พบว่าชายแดนของการนำเสนอข่าวสารที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของโลกตะวันตก จึงมีการแข่งขันจากชายแดนสื่อจากซีกโลกที่ไม่ใช่ตะวันตก เช่น สำนักข่าวอัล จาซีรา (Al Jazeera) หรือการสื่อสารจากกลุ่มคนเร่รอนในมองโกเลียที่ใช้พื้นที่การสื่อสารผ่านระบบดาวเทียม เหล่านี้คือมิติของชายแดนในโลกยุค post-post Cold War ที่พื้นที่ชายแดนเป็นสนามและสัญลักษณ์แห่งอำนาจ แม้ว่าจะมีด่านหอคอยและลวดหนามที่แน่นหนา อาจเป็นตัวอย่างที่สุดขั้วของอำนาจอธิปไตยซึ่งสลักแน่นอยู่บนเขตแดนที่จำกัดของแต่ละรัฐชาติ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นพื้นที่ที่บันทึกความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนท้องถิ่นหนึ่งกับชุมชนท้องถิ่นหนึ่ง และความสัมพันธ์ระหว่างรัฐหนึ่งกับอีกรัฐหนึ่ง ลักษณะของชายแดนบ่อยครั้งจึงกลายเป็นพื้นที่การเมืองของวัฒนธรรม ที่ปะทะประสานกับการเมืองที่เป็นจริง ชายแดนไม่สามารถทำหน้าที่ในการรักษาความมั่นคงได้อย่างวันวานหรืออย่างน้อยก็ไม่สามารถทำได้ทุกอย่าง ด้วยโลกาภิวัตน์ทางวัฒนธรรม
หน้าที่เข้าชม | 198,891 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 132,162 ครั้ง |
เปิดร้าน | 8 เม.ย. 2563 |
ร้านค้าอัพเดท | 22 ต.ค. 2568 |