คะแนนจากผู้ซื้อ

หนังสือ ศาสนากับความรุนแรง บรรณาธิการโดย ปรีดี หงส์ต้น และอัมพร หมาดเด็น Illuminations Editions
มาเป็นคนแรกที่รีวิวพรีเมี่ยมสินค้านี้
รายละเอียดครบ
(รอ)
ตรงกับหน้าเว็บ
(รอ)
ราคาคุ้มค่า
(รอ)
คุณภาพสินค้า
(รอ)
ไฮไลท์
จุดตั้งต้นของหนังสือเล่มนี้มีสองประการหลัก ประการแรกอยู่ที่ต้องการสำรวจสถานการณ์ของโลกในต้นศตวรรษที่ 21 เพื่อต้องการกู้คืนคำอธิบายจากผู้ที่เห็นว่าโลกอยู่ในยุคจุดสิ้นสุดของประวัติศาสตร์ การต่อสู้ของระบบทุนนิยมและสังคมนิยมได้สิ้นสุดลง มนุษย์อยู่ในช่วงเวลาของชัยชนะอันถาวรของทุนนิยม จากมุมมองจุดสิ้นสุดของประวัติศาสตร์ดังกล่าว ทำให้เกิดความเข้าใจผิดไปว่า ความขัดแย้งในโลกที่เรากำลังเป็นพยานอยู่นี้เป็นความขัดแย้งอันตกทอดมาแต่โบราณ เป็นความขัดแย้ง “ทางศาสนา” และเรากำลังเห็นมันปรากฏตัวอย่างชัดเจนทั่วโลก จากการประกาศสงครามทางศาสนามุมหนึ่งของโลก ไปสู่การเผาทำลายทรัพย์สินและอาคารบ้านเรือนของคนต่างศาสนาในอีกด้านหนึ่ง เราไม่เห็นด้วยกับความเห็นเช่นนี้ เพราะตัดขาดออกจากการพิจารณาบริบทปลีกย่อยอีกเป็นจำนวนมาก
จากการต้องการถกเถียงและปฏิเสธความคิดจุดสิ้นสุดของประวัติศาสตร์แล้ว หนังสือเล่มนี้มีจุดตั้งต้นประการที่สองอันเป็นรูปธรรมถึงการแสวงหาวิธีคิดของการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ในต้นศตวรรษที่ 21 โดยไม่อิงอยู่กับความคิดพหุวัฒนธรรมอันมีฐานสนับสนุนที่แข็งขันจากโลกอเมริกาเหนือและออสเตรเลียในช่วงทศวรรษ 1990s ซึ่งมีพหุวัฒนธรรมเป็นฐานรองรับในการขยายตัวของลัทธิเสรีนิยมใหม่ ซึ่งกำลังต้องการหาผู้บริโภคอันมีอัตลักษณ์แตกต่างหลากหลายให้ทำงานตอบสนองวาระของเสรีนิยมใหม่เอง ในแง่นี้ ความรุนแรงที่เกิดขึ้นทั่วโลกจึงพลอยถูกมองว่าเป็นความรุนแรงซึ่งมีที่มาจากความล้มเหลวของพหุวัฒนธรรม เป็นความล้มเหลวจากการประสานคนหลากหลายกลุ่มให้เข้ามาอยู่ร่วมกันในสังคมที่มีผู้คนอันหลากหลายอย่างสันติ
กล่าวอีกอย่างหนึ่งคือ ในหนังสือเล่มนี้เราต้องการแสวงหาวิธีอภิปรายและทำความเข้าใจความรุนแรงที่พ้นไปจากการกำกับของพหุวัฒนธรรม ดังเช่นที่อรชุน อัปปาดูรัย (ในบทแรก) ได้พยายามเสนอให้คิดใหม่ว่า สันติวิธีแบบคานธีนั้นมีสาแหรกเชิงคู่ อัปปาดูรัยชี้ชวนให้คิดใหม่ทั้งหมดอย่างถึงรากว่า การกระทำการสันติวิธีและการกระทำความรุนแรงนั้น เป็นการกระทำประเภทเดียวกัน หากแต่การคิดที่เกี่ยวกับความรุนแรงมีที่มาจากการบำเพ็ญตบะในโลกอินเดียโบราณ การแสวงหาวิธีคิดเกี่ยวกับความรุนแรงจึงต้องอาศัยการบำเพ็ญตบะ การตั้งสมาธิกับประสบการณ์เช่นนี้อย่างยาวนาน ด้วยความอดทน แต่การอดทนเช่นนี้ไม่ใช่การงอมืองอเท้า แต่การอดทน งดเว้น การบำเพ็ญตบะ เป็นปฏิบัติการทางการเมืองเชิงรุกอย่างถึงที่สุด
ในแง่นี้สันติวิธีจึงไม่มีความหมาย หากไม่ถูกพิจารณาในแบบเดียวกับการพิจารณาความรุนแรง เพราะสันติวิธีและความรุนแรงเป็นการกระทำประเภทเดียวกัน ตามความเห็นของอัปปาดูรัย มรดกของการเคลื่อนไหวทางการเมืองแบบคานธีจึงมีสองสายเสมอ ทั้งสันติวิธีและทั้งความรุนแรง ไม่สามารถแยกขาดกันได้
ข้อมูล
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
รายละเอียดสินค้า

หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่หนังสือว่าด้วยสันติวิธี อย่างน้อยๆ ไม่ใช่สันติวิธีในแง่ที่ว่า ผู้อ่านหนังสือเล่มนี้ที่มีเป้าหมายเพื่อแสวงหาสูตรสำเร็จในการลดความรุนแรงคงต้องผิดหวัง และยังอาจจะผิดหวังมากขึ้นอีกหากพยายามเข้าใจปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “ความรุนแรงทางศาสนา” ด้วยการตั้งคำถามประเภทว่า ศาสนาใดที่เป็นศาสนาแห่งความรุนแรง และในทางกลับกัน ศาสนาใดที่เป็นศาสนาแห่งสันติภาพ? 


คำถามข้างต้นเหล่านี้ละเลยรายละเอียดจำนวนมากที่แม้ว่าในนามของ “อิสลาม” “ฮินดู” “พุทธ” และศาสนาอื่นๆ ต่างแสดงออกด้วยลักษณะที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละสถานที่และเวลา เราจึงเห็นว่าการพยายามทำความเข้าใจศาสนาและความรุนแรงจึงจำต้องอาศัยการรวบรวมบทความจากผู้ที่สังเกตการณ์เหตุการณ์ จากสถานที่และเวลาอันหลากหลายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อตั้งต้นเข้าใจปรากฏการณ์ร่วมสมัยนี้ และด้วยการระดมข้อเขียนจำนวนมากเท่านั้นที่อาจจะทำให้เราเริ่มเห็นภาพของความสัมพันธ์ระหว่างศาสนาและความรุนแรง

 
จุดตั้งต้นของหนังสือเล่มนี้มีสองประการหลัก ประการแรกอยู่ที่ต้องการสำรวจสถานการณ์ของโลกในต้นศตวรรษที่ 21 เพื่อต้องการกู้คืนคำอธิบายจากผู้ที่เห็นว่าโลกอยู่ในยุคจุดสิ้นสุดของประวัติศาสตร์ การต่อสู้ของระบบทุนนิยมและสังคมนิยมได้สิ้นสุดลง มนุษย์อยู่ในช่วงเวลาของชัยชนะอันถาวรของทุนนิยม จากมุมมองจุดสิ้นสุดของประวัติศาสตร์ดังกล่าว ทำให้เกิดความเข้าใจผิดไปว่า ความขัดแย้งในโลกที่เรากำลังเป็นพยานอยู่นี้เป็นความขัดแย้งอันตกทอดมาแต่โบราณ เป็นความขัดแย้ง “ทางศาสนา” และเรากำลังเห็นมันปรากฏตัวอย่างชัดเจนทั่วโลก จากการประกาศสงครามทางศาสนามุมหนึ่งของโลก ไปสู่การเผาทำลายทรัพย์สินและอาคารบ้านเรือนของคนต่างศาสนาในอีกด้านหนึ่ง เราไม่เห็นด้วยกับความเห็นเช่นนี้ เพราะตัดขาดออกจากการพิจารณาบริบทปลีกย่อยอีกเป็นจำนวนมาก 


จากการต้องการถกเถียงและปฏิเสธความคิดจุดสิ้นสุดของประวัติศาสตร์แล้ว หนังสือเล่มนี้มีจุดตั้งต้นประการที่สองอันเป็นรูปธรรมถึงการแสวงหาวิธีคิดของการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ในต้นศตวรรษที่ 21 โดยไม่อิงอยู่กับความคิดพหุวัฒนธรรมอันมีฐานสนับสนุนที่แข็งขันจากโลกอเมริกาเหนือและออสเตรเลียในช่วงทศวรรษ 1990s ซึ่งมีพหุวัฒนธรรมเป็นฐานรองรับในการขยายตัวของลัทธิเสรีนิยมใหม่ ซึ่งกำลังต้องการหาผู้บริโภคอันมีอัตลักษณ์แตกต่างหลากหลายให้ทำงานตอบสนองวาระของเสรีนิยมใหม่เอง ในแง่นี้ ความรุนแรงที่เกิดขึ้นทั่วโลกจึงพลอยถูกมองว่าเป็นความรุนแรงซึ่งมีที่มาจากความล้มเหลวของพหุวัฒนธรรม เป็นความล้มเหลวจากการประสานคนหลากหลายกลุ่มให้เข้ามาอยู่ร่วมกันในสังคมที่มีผู้คนอันหลากหลายอย่างสันติ 


กล่าวอีกอย่างหนึ่งคือ ในหนังสือเล่มนี้เราต้องการแสวงหาวิธีอภิปรายและทำความเข้าใจความรุนแรงที่พ้นไปจากการกำกับของพหุวัฒนธรรม ดังเช่นที่อรชุน อัปปาดูรัย (โปรดดูบทถัดไป) ได้พยายามเสนอให้คิดใหม่ว่า สันติวิธีแบบคานธีนั้นมีสาแหรกเชิงคู่ อัปปาดูรัยชี้ชวนให้คิดใหม่ทั้งหมดอย่างถึงรากว่า การกระทำการสันติวิธีและการกระทำความรุนแรงนั้น เป็นการกระทำประเภทเดียวกัน หากแต่การคิดที่เกี่ยวกับความรุนแรงมีที่มาจากการบำเพ็ญตบะในโลกอินเดียโบราณ การแสวงหาวิธีคิดเกี่ยวกับความรุนแรงจึงต้องอาศัยการบำเพ็ญตบะ การตั้งสมาธิกับประสบการณ์เช่นนี้อย่างยาวนาน ด้วยความอดทน แต่การอดทนเช่นนี้ไม่ใช่การงอมืองอเท้า แต่การอดทน งดเว้น การบำเพ็ญตบะ เป็นปฏิบัติการทางการเมืองเชิงรุกอย่างถึงที่สุด


ในแง่นี้สันติวิธีจึงไม่มีความหมาย หากไม่ถูกพิจารณาในแบบเดียวกับการพิจารณาความรุนแรง เพราะสันติวิธีและความรุนแรงเป็นการกระทำประเภทเดียวกัน ตามความเห็นของอัปปาดูรัย มรดกของการเคลื่อนไหวทางการเมืองแบบคานธีจึงมีสองสายเสมอ ทั้งสันติวิธีและทั้งความรุนแรง ไม่สามารถแยกขาดกันได้

ด้วยจุดตั้งต้นสองประการดังกล่าวข้างต้น เราจึงพยายามรวบรวมบทความจากผู้ที่มีความถนัดและคุ้นเคยกับกรณีต่างๆ โดยครอบคลุมภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นหลัก ได้แก่ อินเดีย ศรีลังกา พม่า ไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ซึ่งเกาะเกี่ยวอยู่กับประเด็นหลักๆ อยู่จำนวนหนึ่ง


ประเด็นแรก ศาสนาแสดงตนออกมาในฐานะเชื้อมูล (Source) ในความขัดแย้ง ในช่วงต้นศตวรรษที่ 21 โดยทั่วไป ในบทความ ศาสนากับการเมืองในพม่า ลลิตา หาญวงศ์ ได้ชี้ให้เห็นว่า ตั้งแต่ยุคหลังได้รับเอกราชเป็นต้นมา ผู้นำพม่าใช้พุทธศาสนาเถรวาทในการเสริมฐานความมั่นคงทางการเมืองด้านหนึ่ง และใช้สำหรับโจมตีทางการเมืองอีกด้านหนึ่งเสมอ ส่วนบทความของเอนกชัย เรืองรัตนากร ไล่เรียงให้เห็นรายละเอียดต่อมาถึงสถานการณ์ร่วมสมัยที่เป็นโศกนาฏกรรมในระดับโลกว่า “อุดมการณ์พุทธศาสนา-ชาตินิยม” ได้กระทำต่อชาวมุสลิมโรฮิงญาอย่างไร บนฐานของงานศึกษาวิจัยล่าสุดและการสัมภาษณ์ 


การหยิบยกศาสนามาเป็นเชื้อมูลของการเคลื่อนไหวทางการเมืองนั้นมิได้เป็นคุณสมบัติเฉพาะของศาสนาใดศาสนาหนึ่ง หรือประเทศใดประเทศหนึ่งเท่านั้น ประเด็นที่สองคือกระบวนการการรื้อฟื้นศาสนา (Religious revivalism) นั้นเกิดขึ้นทั่วไป ทั้งในโลกอิสลาม ฮินดู หรือพุทธ ดังที่ปรีดี หงษ์สต้นได้ระบุถึงพุทธชยันตี หรือวาระกึ่งพุทธกาลของพุทธศาสนาเถรวาทในประเทศศรีลังกา โดยเชื่อมโยงการรื้อฟื้นพุทธศาสนาในระลอกปลายทศวรรษที่ 1950 กับระลอกต้นทศวรรษที่ 2000 ว่ามีความต่อเนื่องกัน


ประเด็นที่สาม คือเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างศาสนากับมิติทางการเมือง ซึ่งปรากฏอยู่ทุกบทความที่รวมอยู่ในหนังสือเล่มนี้ โดยบทความของศิวัช ศรีโภคางกุล ได้ขยายให้เห็นความซับซ้อนของชาวซิกข์ในอินเดีย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกลุ่มที่สำคัญที่มีแรงตึงเครียดเสมอเมื่อมีความสัมพันธ์กับรัฐบาลอินเดีย มิติทางการเมืองของปฏิบัติการสันติวิธีของชาวซิกข์ถูกนำมารวมไว้ในหนังสือเล่มนี้ เพื่อชี้ให้เห็นถึงความซับซ้อนของ “ศาสนาและความรุนแรง” ซึ่งมีความแตกต่างอย่างยิ่งในบริเวณต่างๆ ของประเทศอินเดีย


ในส่วนของงานศึกษาอิสลามกับความรุนแรง หนังสือเริ่มต้นด้วยงานของเอกรินทร์ ต่วนศิริ และอันวาร์ กอมะ ว่าด้วยกระแสหวาดกลัวอิสลาม ผู้เขียนได้ย้อนให้เห็นถึงการศึกษาว่าด้วยสถานะความรู้แนวคิดอิสลามท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสังคมมุสลิมในมิติทางการเมืองและนโยบายการต่างประเทศ นอกจากอาศัยการย้อนทวนเพื่อทำความเข้าใจข้อเชื่อ (Creed) หรือหลักการที่ถูกเสนอในฐานะแหล่งของความรู้ การปฏิบัติ และเชื้อมูลของความขัดแย้งเช่นเดียวกับศาสนาอื่นแล้วนั้น กระแสธารของการฟื้นฟูอิสลาม (Islamic revivalism) ตลอดจนการเรียกร้องเพื่อหวนคืนสู่รากเหง้าของศาสนาปรากฏในนามผู้พิทักษ์บ้านเมืองและขจัดอิสลามสุดโต่ง


ในบทความว่าด้วยพหุนิยมหลังอาณานิคมกับการอยู่ร่วมกันระหว่างผู้คนต่างชาติพันธุ์และศาสนาในมาเลเซีย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ เสนอการศึกษาผ่านอิสลามที่ถูกทำให้กลายเป็นการเมือง (Politicized Islam) ในมิติของความเป็นพลเมือง การอ้างสิทธิเหนือดินแดนและเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองที่ผูกตรึงความเป็นชาติพันธุ์ให้ยึดโยงกับเชื้อชาติจนกลายเป็นเงื่อนไขของความรุนแรงในหลายกรณี ซึ่งหมายรวมถึงความคุ้นชินกับวัฒนธรรมการเมืองที่การตีความคำสอนศาสนาถูกกำหนดเพื่อเป้าหมายทางการเมือง

ขณะที่อรอนงค์ ทิพย์พิมล ให้ความสำคัญกับบทวิเคราะห์ความรุนแรงจากกรณีการบังคับใช้กฎหมายอิสลามในอาเจะห์ โดยเชิญชวนทำความเข้าใจประวัติศาสตร์การแตกตัวทางความคิดของกลุ่มขบวนการเคลื่อนไหวทางศาสนาดารุลอิสลามระหว่างสายปฏิรูปที่มีแนวโน้มของการสร้างสำนึกชาตินิยมอาเจะห์และสนับสนุนการก่อตั้งรัฐอิสลาม กับสายจารีตที่ยอมรับความชอบธรรมของรัฐบาลอินโดนีเซียและไม่เรียกร้องให้ชาติอินโดนีเซียต้องปกครองด้วยระบบกฎหมายอิสลาม


ชุดข้อเสนอบทความที่เกี่ยวข้องกับอิสลามปิดท้ายด้วยงานของอัมพร หมาดเด็น ที่เชื่อมร้อยผลกระทบของกระแสเรียกร้องเพื่อหวนคืนสู่รากเหง้าของศาสนา (Religious fundamentalism) ซึ่งตอบโต้ผ่านข้อเสนอการเมืองอิสลามและปฏิบัติการต่อต้านอาณานิคมสยามตามความหมายของจารีตมลายู บทความได้เผยให้เห็นวัฒนธรรมของความรุนแรงที่เลือกรับและปฏิเสธข้อเสนออื่นที่ไม่ถูกนับให้เป็นกระบวนทัศน์หลักที่สำคัญ (Grand paradigm) ในการสร้างเกณฑ์แห่งความสำเร็จและชัยชนะแก่โลกมุสลิมซึ่งหมายความถึงการใช้อำนาจและสิทธิอำนาจในการจัดการแนวคิดของสถานะและสิทธิผู้หญิงที่กำกับและดำเนินผ่านกลไกสมัยใหม่ของกระบวนทัศน์สตรีนิยมในกรณีศึกษางานยุติธรรมทางเพศในพื้นที่ความรุนแรงจังหวัดชายแดนภาคใต้ 


ประเด็นสุดท้าย เราขอย้ำอีกครั้งว่า หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่หนังสือสันติวิธีแบบที่สังคมไทยเข้าใจโดยทั่วไป บทความแปลเรื่องรัฐฆราวาสและความรุนแรงในรัฐพุทธของ เฮเลน เจมส์ โดยลลิตา หาญวงศ์ ได้หยิบกรณีความสัมพันธ์ระหว่างพุทธศาสนาเถรวาทและรัฐในประเทศไทยและพม่ามาเปรียบเทียบคู่กันว่า ความรุนแรงไม่ใช่เรื่องแปลกหน้าในรัฐพุทธทั้งสองแห่งนี้แต่อย่างใด และพิจารณาในกรอบของรัฐฆราวาสนิยมก็อาจจะทำให้เข้าใจความเปลี่ยนแปลงได้ไม่รอบด้าน หนังสือเล่มนี้มีบทความของชาญณรงค์ บุญหนุน ปิดท้ายเพื่อชี้ให้เห็นว่า การมีผู้ผูกขาดเรื่องสันติวิธีและผู้ผูกขาดพุทธศาสนาเถรวาท ไม่ว่าจะเป็นองค์กรหรือบุคคลใดก็ตาม ย่อมจะนำไปสู่สถานการณ์อันตรายได้ การมีพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติคือการผูกขาดสันติวิธี และสันติวิธีแบบผูกขาดที่ว่านี้เองที่นำมาซึ่งโศกนาฏกรรมครั้งแล้วครั้งเล่า พุทธศาสนาเถรวาทไทยจึงไม่สามารถเป็นผู้ผูกขาดสันติวิธีได้ 


เมื่อพิจารณาศีลธรรมแห่งการปฏิเสธของอัปปาดูรัยแล้ว การยกเลิกการผูกขาดสันติวิธีของพุทธเถรวาทไทย อยู่ที่จุดตั้งต้นเปลี่ยนวิธีคิดไปสู่การพิจารณาว่า การกระทำสันติวิธีอันที่จริงแล้วเป็นการกระทำก่อความรุนแรง และการก่อความรุนแรงคือการกระทำสันติวิธี เราหวังว่าหนังสือเล่มนี้จะช่วยแสวงหาวิธีคิดใหม่ในการทำความเข้าใจความรุนแรงและศาสนาในปัจจุบันได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง 

 


สารบัญและคำนำ https://www.yumpu.com/xx/document/read/62464160/-

ชมงานเสวนาหนังสือได้ที่ https://youtu.be/sRx_R9t8qz0

ชม Book Talk เรื่องศาสนาอิสลาม ที่ https://youtu.be/oSghZGx19Tk

ชมบันทึกการทำ Live หนังสือ 'ศาสนากับความรุนแรง' เรื่องความรุนแรงในศรีลังกา โดย อ.ปรีดี หงษ์สต้น https://youtu.be/_nSjufAoESk

ชวนอ่าน 'บันทึกการเสวนาวิชาการ เรื่อง พม่าสมัยใหม่: ยุคโคโลเนียลจนถึงปัจจุบัน โดย ดร.ลลิตา หาญวงษ์' https://www.facebook.com/notes/illuminations-editions/บันทึกการเสวนาวิชาการ-เรื่อง-พม่าสมัยใหม่-ยุคโคโลเนียลจนถึงปัจจุบัน-โดย-ดรลลิตา-/1019111304944191/

ชวนอ่าน 'ข้อสังเกตเบื้องต้นต่อการเมืองพุทธศาสนาในประเทศศรีลังกา: จากพุทธชยันตีสู่องค์กรพุทธพลเสนา' โดย ปรีดี หงษ์สต้น https://www.facebook.com/notes/illuminations-editions/qa-ข้อสังเกตเบื้องต้นต่อการเมืองพุทธศาสนาในประเทศศรีลังกา-จากพุทธชยันตีสู่องค์กร/1012977212224267/

ชวนอ่าน 'Islamophobia ความเป็นเราและความเป็นอื่น' โดยเอกรินทร์ ต่วนศิริ https://www.facebook.com/notes/illuminations-editions/islamophobia-ความเป็นเราและความเป็นอื่น/1008387026016619/

ชวนอ่าน 'ศีลธรรมแห่งการปฏิเสธ (THE MORALITY OF REFUSAL) ของอรชุน อัปปาดูรัย (Arjun Appadurai)' https://www.yumpu.com/xx/document/read/62749487/-the-morality-of-refusal-arjun-appadurai 



 
หนังสือ ศาสนากับความรุนแรง บรรณาธิการโดย ปรีดี หงส์ต้น และอัมพร หมาดเด็น Illuminations Editions
หนังสือ ศาสนากับความรุนแรง บรรณาธิการโดย ปรีดี หงส์ต้น และอัมพร หมาดเด็น Illuminations Editions
หนังสือ ศาสนากับความรุนแรง บรรณาธิการโดย ปรีดี หงส์ต้น และอัมพร หมาดเด็น Illuminations Editions
หนังสือ ศาสนากับความรุนแรง บรรณาธิการโดย ปรีดี หงส์ต้น และอัมพร หมาดเด็น Illuminations Editions
หนังสือ ศาสนากับความรุนแรง บรรณาธิการโดย ปรีดี หงส์ต้น และอัมพร หมาดเด็น Illuminations Editions
หนังสือ ศาสนากับความรุนแรง บรรณาธิการโดย ปรีดี หงส์ต้น และอัมพร หมาดเด็น Illuminations Editions
หนังสือ ศาสนากับความรุนแรง บรรณาธิการโดย ปรีดี หงส์ต้น และอัมพร หมาดเด็น Illuminations Editions
เงื่อนไขอื่นๆ
Tags
ขณะนี้ร้านค้าเปลี่ยนมาใช้ระบบรับชำระเงินผ่าน LnwPay กรุณาตรวจสอบข้อมูลวิธีการชำระเงินใหม่อีกครั้ง รายละเอียดเพิ่มเติม

ช่องทางชำระเงินระบบรับชำระเงิน LnwPay

ติดต่อ / สอบถาม

**กรุณาเลือกช่องทางติดต่อตามข้อสงสัยของคุณ ในกรณีที่คุณไม่สามารถติดต่อเจ้าของร้านได้ สามารถติดต่อมายังทีมงาน LnwPay แล้วเราจะช่วยเหลือคุณจนถึงที่สุด

ติดต่อเจ้าของร้าน

เรื่องที่ติดต่อผ่านร้านค้า

  • รายละเอียดสินค้า
  • สต๊อกสินค้า
  • ระยะเวลาการจัดส่ง
pipatens@hotmail.com
ติดต่อ

เรื่องที่ติดต่อผ่าน

  • วิธีการสั่งซื้อสินค้า
  • ชำระเงิน
  • แจ้งปัญหา
support@LnwPay.com

นโยบายการเปลี่ยนหรือคืนสินค้า

  • ระยะเวลาที่ลูกค้าสามารถแจ้งการเปลี่ยน/คืนสินค้าได้ คือภายใน 7 วันนับจากได้รับสินค้า
  • ข้อกำหนดระหว่างการเปลี่ยนสินค้า/คืนเงิน หากสินค้าชำรุด ทางร้านจะเปลี่ยนสินค้าชนิดเดียวกันตัวใหม่ให้ 
  • ร้านค้าจะเป็นผู้รับผิดชอบในการเรียกเก็บ/จัดส่งสินค้าคืน รวมถึงค่าจัดส่งที่เกิดขึ้น
  • ทางร้านจะสัดส่งสินค้าชิ้นใหม่ให้ หลังจากที่ร้านค้าได้รับสินค้าที่มีปัญหาคืน
มาเป็นคนแรกที่รีวิวพรีเมี่ยมสินค้านี้
มาเป็นคนแรกที่รีวิวพรีเมี่ยมสินค้านี้ให้คนอื่นรับรู้ แถมรับคะแนนสะสม LnwPoints ใช้เป็นส่วนลดในการสั่งซื้อครั้งต่อไป
รายการสั่งซื้อของฉัน
เข้าสู่ระบบด้วย
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก

ยังไม่มีบัญชีเทพ สร้างบัญชีใหม่ ไม่มีค่าใช้จ่าย
สมัครสมาชิก (ฟรี)
รายการสั่งซื้อของฉัน
ข้อมูลร้านค้านี้
ร้านIlluminations Editions
Illuminations Editions
สำนักพิมพ์ใหม่ที่ก่อตั้งอย่างเป็นทางการ คือจดทะเบียนกับกรมการค้าเมื่อเดือน พฤษภาคม 2561 เราเป็นสำนักพิมพ์ที่ทำหนังสือวิชาการที่มีเนื้อหาเข้มข้น รูปเล่มสวยงาม ทันสมัย และมีราคาที่สมเหตุสมผล งานของเรามีตั้งแต่งานของนักวิชาการไทย จนถึงหนังสือหรือบทความที่แปลจากภาษาต่างชาติ ทั้งประวัติศาสตร์ ปรัชญา ทฤษฎีของนักมาร์กซิสม์ ศาสนา ฯลฯ ชื่อ Illuminations แปลว่า ‘การส่องสว่าง’ มาจากชื่อหนังสือที่รวบรวมบทความแปลในภาษาอังกฤษของวอลเตอร์ เบนยามิน (Walter Benjamin) นักปรัชญาและนักวิจารณ์ศิลปะชาวเยอรมัน ซึ่งมีฮันนาห์ อาเรนท์ (Hannah Arendt) เป็นบรรณาธิการ Mission ของเราคือ การติดอาวุธทางปัญญาให้กับผู้อ่านงานของเรา
เบอร์โทร : 0819194716
อีเมล : pipatens@hotmail.com
ส่งข้อความติดต่อร้าน
เกี่ยวกับร้านค้านี้
สินค้าที่ดูล่าสุด
ดูสินค้าทั้งหมดในร้าน
สินค้าที่ดูล่าสุด
บันทึกเป็นร้านโปรด
Join เป็นสมาชิกร้าน
แชร์หน้านี้
แชร์หน้านี้

TOP เลื่อนขึ้นบนสุด

MEMBER

STATISTICS

หน้าที่เข้าชม198,891 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด132,162 ครั้ง
เปิดร้าน8 เม.ย. 2563
ร้านค้าอัพเดท22 ต.ค. 2568
2 คน พอใจร้านนี้ 67%
บันทึกเป็นร้านโปรด
Join เป็นสมาชิกร้าน
36 คนเป็นสมาชิกร้านนี้
พูดคุย-สอบถาม