ไอดิต : ขนลุก ลึกลับ และน่าค้นหา
บทรีวิวหนังสือ D. N. Aidit : ทีปะ นุสันตารา ไอดิต กับ พรรคคอมมิวนิสต์อินโดนีเซีย
โดย ชุติเดช เมธีชุติกุล นักศึกษาปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ณ ช่วงขณะที่อ่านหนังสือเรื่อง “ D. N. Aidit : ทีปะ นุสันตารา ไอดิต กับพรรคคอมมิวนิสต์อินโดนีเซีย ” (ตวงทิพย์ พรมเขต. (2563). D. N. Aidit: ทีปะ นุสันตารา ไอดิต กับพรรคคอมมิวนิสต์อินโดนีเซีย. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ Illumination edition. 330 บาท) จบนั้น “ ขนลุก ลึกลับ และน่าค้นหา ” น่าจะเป็นสามคำที่สรุปความถึงความรู้สึกของผมหลังจากได้อ่านหนังสือเล่มนี้จบแล้ว แล้วทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?
ขนลุก?
ผมขนลุกต่อหนังสือเล่มนี้ในสองความหมายด้วยกัน ความหมายแรกคือขนลุกต่อพลังและความสามารถที่ไม่ธรรมดาของ พรรคเปกาอี (หรือพรรคคอมมิวนิสต์อินโดนีเซีย หรือ Partai Komunis Indonesia: PKI) ที่กลายเป็นพรรคการเมืองที่มีบทบาทสำคัญต่อการเมืองอินโดเนียในช่วงปี 1961-1965 และถึงกระทั่งสุการโนผู้นำเอกราชของอินโดนีเซียต่างยอมรับและเชื่อมั่นในการทำงานบริหารร่วมกันกับ PKI และนี้เองเป็นความขนลุกแรกที่ได้รับจากหนังสือเล่มนี้ ผู้เขียนพาเราไปสำรวจบริบททางประวัติศาสตร์ ความพยายาม การวางยุทธศาสตร์ ความผิดพลาด และบทเรียนต่างๆ จนทำให้ไอดิตเรียนรู้ที่จะดำเนินแผนการต่างๆ เพื่อรื้อฟื้นพรรค PKI กลับมาอีกครั้ง หลังจากที่เคยดำเนินการทางยุทธศาสตร์ที่ผิดพลาดจนถูกปราบปรามไปในช่วงปี 1948 ไอดิตใช้ความพยายามกว่า 10 ปีจนฟื้นฟูพรรคกลับมาได้อีกครั้ง มิหนำซ้ำยังพาพรรค PKI ไปยุคที่รุ่งเรืองที่สุดก็ว่าได้ แต่ ณ จุดจบของความรุ่งเรืองนี้เองที่จบลงด้วยโศกนาฎกรรมที่เลวร้ายที่สุดของอินโดนีเซียเพียงแค่วันเดียว
ภาพหนึ่งในเหตุการณ์ Gestapu
นั้นคือในวันที่ 30 กันยายน 1965 หรือที่เรารู้จักว่า “เกสตาปู (Gestapu)” ของ 'ขบวนการ 30 กันยายน (Gerakan September Tiga Puluh)' ที่มีทหารกลุ่มหนึ่งพยายามทำรัฐประหารแต่ก็ล้มเหลว และนี้คือความขนลุกอีกความหมายหนึ่งของผมที่ผมขนลุกต่อความน่าสะพรึงกลัวและการล่มสลายเพียง 1 วัน จากความพยายามมากว่า 15 ปี และจุดหมายอาจอยู่เพียงแค่เอื้อมที่อาจส่งให้พรรค PKI กล่าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดทางการเมืองของอินโดนีเซียภายใต้การเลือกตั้ง เพราะภายหลังเหตุการณ์เกสตาปู นายพลซูฮาร์โตเริ่มขึ้นมามีอำนาจทางการเมืองมากขึ้นพร้อมกับกองทัพ และได้ติดป้ายผู้อยู่เบื้องเหตุการณ์เกสตาปูนั้นคือ พรรค PKI จึงนำไปสู่การกวาดล้างสมาชิกพรรค PKI ครั้งใหญ่ที่ผู้เขียนเล่าไว้ตอนหนึ่งในหนังสือว่า ' มีการประเมินว่าจำนวนผู้ถูกสังหารในเหตุการณ์ครั้งนี้อยู่ที่ราว 78,500-3,000,000 คน ' และความขนลุกในความหมายที่สองนี้ที่นำไปสู่ “ความลึกลับ และน่าค้นหา” ที่หนังสือเล่มนี้ช่วยจุดประกายให้มุ่งหมาดปรารถนาใคร่รู้ต่อไป
The Act of Killing (2012) หรือชื่อภาษาไทยว่า “ฆาตกรรมจำแลง” เป็นหนังของผู้กำกับ Joshua Oppenheimer ซึ่งพูดถึง “มหกรรมการฆ่า” หรือ การกวาดล้าง “คอมมิวนิสต์” ในอินโดนีเซียช่วงปี 1965-1966 หลังการขึ้นมาครองอำนาจของอดีตประธานาธิบดีซูฮาร์โต ซึ่งครองอำนาจยาวนานถึง 32 ปี
ลึกลับ? หลังจากที่หนังสือเล่มนี้ได้ให้ภาพชีวิต และความผันผวนอย่างผลิกผลันที่รอบด้านของไอดิตแล้ว เกิดคำถามต่างๆ มากมายทั้งที่เป็นการคิดต่อและสงสัยเพราะบางจุดในหนังสือไม่ได้บอกชัดเจน หรือค่อนข้างกำกวม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทำไมจึงเป็นกองกำลังทีปนครที่นำโดยพันโทอุนตุง ซึ่งมีฐานอยู่ที่ฐานทัพอากาศฮาลิม กูซูมา ในฐานะกองกำลังหลักที่จะทำรัฐประหาร และทำไมต้องเป็นพันโทอุนตุง ทำไมไม่บอกชื่อและตำแหน่งของนายทหารระดับสูงของกองทัพอินโดนีเซียทั้ง 6 คน และนายทหารยศร้อยโทไปสังหาร หรือการไม่พูดถึงเพราะไม่มีตำแหน่งสำคัญอะไรหรืออย่างไร บอกแค่เพียงว่าหนึ่งในนายทหารระดับสูงที่ถูกจับกุมตัวคือพลโทยานี ขณะที่นายพลนาซูเตียนหนีรอดจากการถูกจับกุมไปได้ ในหนังสือระบุว่ากองกำลังทีปนคร เป็นกองกำลังที่มีแสนยานุภาพมากที่สุดของกองทัพอินโดนีเซีย (หน้า 275) แต่ทำไมถึงพ่ายแพ้กองกำลังสำรองช่วยรบของพลตรีซูฮารโตได้ และรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์เกสตาปูดูเหมือนจะมีไม่มากนัก จนทำให้เกิดข้อสงสัยต่อมาว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น ทำไมกองกำลังที่มีแสนยานุภาพมากที่สุดของกองทัพอินโดนีเซียจึงพ่ายแพ้ลงได้ นี้จึงกลายเป็นทั้งความลึกลับที่ทำหนังสือเล่มนี้ช่วยทำให้ผมได้สงสัยและสนใจที่จะค้นหาเรื่องราวต่างๆ นี้ต่อไป

น่าค้นหา? จากความลึกลับสู่คำถามที่น่าค้นหาที่ได้จากหนังสือเล่มนี้นั้นคือทำให้ผมรู้สึกที่อยากจะ “ค้นหา” ต่อว่าทำไมเหตุการณ์ต่างๆ ถึงได้มาถึงจุดนี้ได้ และทำไมถึงเป็นเช่นนั้น และก่อนหน้าเป็นมาอย่างไร หนึ่งในเรื่องดังกล่าวที่ผมสงสัยใคร่รู้เป็นพิเศษ นั้นคือเรื่องที่ว่าไอดิตมีส่วนกับเหตุการณ์เกสตาปูหรือไม่ และมากน้อยแค่ไหน พิจารณาจากในบทที่ 5 ของหนังสือผู้เขียนให้หลักฐานแวดล้อมพอสมควรว่า PKI มีความพยายามในการยึดอำนาจรัฐบาล ภายหลังสุการโนป่วย เพราะมีความเป็นไปได้ว่ากองทัพจะอาศัยช่วงเวลาดังกล่าวก่อรัฐประหารและ PKI ก็จะถูกกวาดล้าง โดยพิจารณาจากสิ่งที่ชามเล่าให้ฟังถึงคำพูดของไอดิตหลังกลับจากการเยือนประเทศจีนเมื่อทราบว่าว่าสุการโนล้มป่วยที่ว่า “เปกาอีในขณะนี้ถึงเวลาต้องเลือกแล้ว เลือกว่าจะเป็นฝ่ายลงมือกระทำก่อน หรือเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำ” และเอกสาร “คำสารภาพผิดของไอดิต” (หน้า 275-276) ต่างให้หลักฐานที่มีความเป็นไปได้ แนวโน้ม หรืออย่างน้อยที่สุดก็อยู่ในข่ายที่ต้องสงสัยไว้ก่อนถึงการมีส่วนในเหตุการณ์รัฐประหารนี้ของไอดิตและนี้คือคำสามคำ (“ขนลุก ลึกลับ และน่าค้นหา”) ที่ได้จากการอ่านหนังสือ “D. N. Aidit: ทีปะ นุสันตารา ไอดิต กับพรรคคอมมิวนิสต์อินโดนีเซีย” นี้ จึงเป็นหนังสือที่น่าอ่านและอ่านได้อย่างเพลิดเพลิน รวมถึงยังให้ความรู้ในสิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อน หนังสือเล่มนี้ช่วยทำให้เห็นอีกหลายจุดในประวัติศาสตร์และการเมืองของอินโดนีเซียผ่านประวัติชีวิตของไอดิตและพรรคคอมมิวนิสต์อินโดนีเซียที่น่าค้นหาเพียงเพื่ออยากที่จะรู้ต่อว่าเกิดอะไรขึ้นและทำไมถึงเกิด จึงขอเรียนเชิญทุกท่านมาอ่านหนังสือ “D. N. Aidit: ทีปะ นุสันตารา ไอดิต กับพรรคคอมมิวนิสต์อินโดนีเซีย” เพื่อค้นหาและเผชิญประสบการณ์ต่างๆ ของดินแดนแห่งนี้ที่มีนามว่า “อินโดนีเซีย” ร่วมกัน
_______________________________________________________________________________________________________
D. N. Aidit: ทีปะ นุสันตารา ไอดิต กับพรรคคอมมิวนิสต์อินโดนีเซีย
โดย ตวงทิพย์ พรมเขต