โดย กฤตภาส รัตนเวสส์
จากชมรมหลากทัศนะประวัติศาสตร์ เตรียมอุดมศึกษา
ข้าพเจ้าจำได้ วันนั้นเป็นวันที่ 14 ตุลาคมเวลาเย็นย่ำ รถจักรยานฝ่าฝนห่าใหญ่และน้ำที่ท่วมจนเลยตาตุ่มเพื่อนำส่งพัสดุที่ข้าพเจ้าสั่งพรีออเดอร์ไปเกือบเดือน กล่องพัสดุนั้นเปียกยุ่ยหมด ข้าพเจ้ารีบแกะตรวจพัสดุภายในด้วยใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ ก่อนที่จะหายใจได้อย่างเต็มท้องเมื่อพบว่า “เมื่ออรุณจะรุ่งฟ้า” ปกแข็งของข้าพเจ้ายังอยู่ในสภาพดีเยี่ยม
ไม่แน่ใจนักว่าเป็นความบังเอิญหรือตั้งใจของสำนักพิมพ์ ที่หนังสือเล่มนี้เดินทางมาถึงวันที่ 14 ตุลาคม ทำให้นึกย้อนถึงเหตุการณ์วันเดียวกันเมื่อเกือบครึ่งศตวรรษก่อน ที่ขบวนการนิสิตนักศึกษาประชาชนรวมตัวกันด้วยความแตกต่างอย่างมีเอกภาพ โหมพลังเข้ากระหน่ำซัดฉากหน้าของเผด็จการอำนาจรัฐจนแตกพ่าย (แต่นั่นก็เป็นเรื่องน่าเศร้าว่าทำลายลงเพียงฉากหน้าเท่านั้น) หากเป็นความบังเอิญก็คงบังเอิญอย่างร้ายกาจ เพราะ “เมื่ออรุณจะรุ่งฟ้า” ของอาจารย์สุธาชัยเล่มนี้ ได้พาผู้อ่านผู้ศึกษาอย่างเราย้อนดูการก่อตัวของขบวนการนักศึกษาภายใต้อำนาจเผด็จการที่แผ่คลุมประเทศไว้กว่าทศวรรษจนสามารถตั้งศูนย์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยได้ในปี พ.ศ. 2513 ผ่านเหตุการณ์ครั้งสำคัญคือ 14 ตุลา 2516 อันเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของความคิดนิสิตนักศึกษา แนวคิดแนวทาง ชีวทัศน์ โลกทัศน์ ฯลฯ ของฝ่ายซ้ายได้กลายเป็นความคิดหลักที่ยึดกุมขบวนการนิสิตนักศึกษาไว้ และนั่นเองที่ทำให้อำนาจฝ่ายขวาที่มิได้รวมตัวกันอย่างปรองดองแต่อย่างไร กลับใช้ข้ออ้างนี้ในการทำลายขบวนการดังกล่าวอย่างรุนแรงจนนำไปสู่โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย คือเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519
เหตุการณ์วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519
ข้าพเจ้าอ่านหนังสือเล่มนี้จบในเวลาเพียงสองวัน (หากไม่ติดว่าชีวิตต้องนอนหลับพักผ่อน ข้าพเจ้าคงอ่านจบรวดเดียว) หากข้าพเจ้าเข้าใจไม่ผิด หนังสือเล่มนี้น่าจะปรับปรุงและเพิ่มเติมจากบทความ “เหตุการณ์ 6 ตุลาฯ เกิดขึ้นได้อย่างไร” ที่อาจารย์สุธาชัยเคยเขียนลงในหนังสือ “อาชญากรรมรัฐในวิกฤตการเปลี่ยนแปลง” ที่ออกมาเมื่อครบรอบ 25 ปี 6 ตุลาฯ และเป็นบทความเดียวกับที่เผยแพร่ในเว็บไซต์บันทึก 6 ตุลาฯ แม้ข้าพเจ้าจะเคยอ่านมาแล้ว แต่ข้าพเจ้ามิได้รู้สึกตื่นเต้นลดลงเลยเมื่อได้อ่านซ้ำอีกครั้งในหนังสือเล่มนี้ ถึงแม้ว่าอาจารย์สุธาชัยเสียชีวิตได้สี่ปีเศษแล้ว แต่หนังสือและถ้อยคำของอาจารย์ยังคงดึงผู้อ่านให้ตกไปในห้วงแห่งกาลเวลา พาไปดูเหตุการณ์ในหกปีนั้น (คือตั้งแต่ก่อตั้ง ศนท. จนเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ) อย่างเป็นฉากต่อฉาก (แม้ข้าพเจ้าจะอ่านจบได้นานพอสมควรแล้ว ภาพฉากการปะทะโต้แย้งเรื่องแนวทางผิน บัวอ่อน ยังคงติดตรึงอยู่ในสมองข้าพเจ้าจนถึงบัดนี้) พาไปดูต้นตอสายธารความคิดฝ่ายซ้ายในขบวนการนิสิตนักศึกษาอย่างรวบรัดแต่ละเอียดยิบ ยกตัวอย่างหนังสือเล่มนู้นเล่มนี้ขึ้นมาจนข้าพเจ้าต้องไปตามหามาอ่านเพิ่มอย่างไม่หวาดไม่ไหว (บางเล่มหาไม่ได้แล้วด้วยซ้ำไป) นั่นแหละคือเสน่ห์ของหนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือเล่มบาง ๆ เพียงสองร้อยหน้าเศษ แต่อัดแน่นไปด้วยข้อมูลอันน่าดึงดูดจนท่านจะวางไม่ลงเมื่อได้อ่านเชียว
หนังสือ แผนชิงชาติไทย และผู้แต่ง สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ
ข้าพเจ้าคงไม่สามารถเขียนแนะนำหนังสือเล่มนี้ได้อย่างดีนัก เหตุว่าข้าพเจ้ามิได้มีความรู้มากพอและไม่อาจหาญพอที่จะเขียนแนะนำผลงานของอาจารย์สุธาชัยผู้ซึ่งเป็นตำนานแห่งวงการวิชาการประวัติศาสตร์ไทย แต่หากจะไม่กล่าวถึงเล่มนี้เลยคงจะรู้สึกผิดไปอีกนาน สำหรับข้าพเจ้าในฐานะปัจเจก ผู้เป็นนักเรียนมัธยมคนหนึ่งที่คลั่งไคล้ประวัติศาสตร์การเมืองไทย ข้าพเจ้าถือว่านี่คือตำราเล่มสำคัญที่ผู้ใคร่ศึกษาประวัติศาสตร์การเมืองไทยทุกคนต้องอ่าน (ให้นึกถึงประมาณว่าหากจะศึกษาประวัติศาสตร์ยุคทศวรรษ 2490 ต้องอ่านเล่ม แผนชิงชาติไทย และขุนศึก ศักดินาฯ หรือหากศึกษา 14 ตุลาฯ ต้องอ่านและแล้วความเคลื่อนไหวก็ปรากฏ เล่มนี้ก็เช่นกัน หากศึกษาขบวนการนิสิตนักศึกษาก็ต้องอ่านเล่มนี้) เพราะนี่คือการย่อยประวัติศาสตร์ขบวนการนิสิตนักศึกษาไว้อย่างง่ายที่สุด แต่ก็ละเอียดที่สุด อัดแน่นที่สุดเช่นกัน เล่มนี้จึงเป็นพื้นฐานการศึกษาเรื่องนี้ ซึ่งมีรายชื่อหนังสืออ้างอิงยาวเป็นหางว่าว หากจะศึกษาอย่างละเอียด หนังสือเล่มนี้ได้ชี้ทางการศึกษาให้ท่านแล้ว
ในฐานะเด็กมัธยมคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางกระแสสังคมที่ไหลเปลี่ยนผ่านอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ ในช่วงที่ขบวนการนักเรียนนิสิตนักศึกษากำลังเติบโตอย่างรุดหน้า ข้าพเจ้า เพื่อน ๆ รุ่นพี่หรือรุ่นน้องคงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเรากลายเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการดังกล่าวแล้ว บางคนยึดมั่นในแนวทาง บางคนอาจยังประหวั่นพรั่นพรึงอยู่บ้าง บางคนสับสนถึงทางที่ไปต่อในกาลข้างหน้า หนังสือเล่มนี้จะเป็นเป็นดั่งไฟฉายกระบอกเล็ก ๆ แต่กลับส่องทางได้อย่างยาวไกล เพราะมิเพียงแต่จะนำเสนอข้อมูลทางประวัติศาสตร์อันล้ำค่าแล้ว ยังเป็นการจดบันทึกเรื่องราวของ “รุ่นพี่” นิสิตนักศึกษาที่เคยผ่านเหตุการณ์ในขบวนประชาชนมาก่อน พวกเขาผ่านอะไรมา กลยุทธ์ของพวกเขาคืออะไร การวางแผน การขยายขบวนการ การประสานกับกรรมกรและชาวนา การขยายพื้นความคิดสู่ชนบท รวมถึงว่าอะไรคือจุดแข็งของขบวนการในยุคนั้น และอะไรคือจุดผิดพลาดที่ทำให้ขบวนการต้องพบโศกนาฏกรรมซ้ำสองคือ 6 ตุลาฯ ในปี 2519 และการล่มสลายของ พคท. ในช่วงกลางทศวรรษ 2520 นั่นคือบทเรียนอันน่าสลด แต่นั่นก็คือบทเรียนอันทรงคุณค่าเช่นกัน เป็นบทเรียนที่เหล่ารุ่นพี่ได้ผ่านมาและฝากไว้ในร่องรอยแห่งประวัติศาสตร์ประชาธิปไตย เป็นบทเรียนซึ่งคนรุ่นหลังอย่างเรา ๆ จำเป็นต้องหยิบยกขึ้นมาถกและพิจารณาอย่างละเอียดถึงสภาวการณ์ที่เหมือนและแตกต่างกับช่วงนั้น ก่อนที่เราจะนำมาปรับใช้ในขบวนการของยุคเราเอง
เหตุการณ์เมื่อวันที่ 16 ตุลามคม พ.ศ. 2564
บริบททางการเมืองของยุคนั้นกับยุคนี้แตกต่างกันมาก สิ่งหนึ่งที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดคืออำนาจรัฐในยุคนี้มีเอกภาพกว่ายุคนั้นมาก เขาพร้อมชนได้อย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมใด ๆ สิ่งที่รัฐยุคนี้ทำเปรียบได้กับ “6 ตุลาฯ ทางกฎหมาย” ที่ใช้กฎหมาย ใช้ศาลปิดปากคน จับยัดเข้าคุกยาว ๆ โดยไม่ให้ประกันตัว นั่นคือข้อเสียเปรียบอย่างร้ายกาจของขบวนการนักเรียนนิสิตนักศึกษาในปัจจุบัน บริบททางการเมืองตอนนี้ไม่เอื้อขบวนการแม้แต่น้อย หลายคนคงจะมองเห็นแต่ความมืดมนในอนาคตต่อไป ไม่มีความหวัง ไม่มีแสงสว่าง ไม่มีปลายทางที่อำนาจจะเป็นของประชาชนได้แต่อย่างไรเลย แต่เชื่อเถอะว่าไม่ใช่ ในมืดนั้นมีสว่าง (ตามคำที่นายผีใช้) หากเห็นว่าวันนี้มันมืดมิดนัก ก็จงเชื่อต่อไปว่ามันก็แค่เป็นสิ่งที่รอให้พวกเราแผ้วถางทางสว่างอยู่ เพียงแค่เราสู้ต่อไป ปรับขบวนการ ปรับกลยุทธ์ และยังสามัคคีกันอย่างนี้ต่อไปให้สุด เมื่อนั้นอรุณที่เรารอมาแสนนานจะรุ่งฟ้าขึ้นมาเยือนเรา เมื่อนั้นฟ้าจะสีทองผ่องอำไพ และประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
“แม้ความตายและความพ่ายแพ้จะทำให้ผู้เขียนรู้สึกหดหู่ใจ แต่ก็ยังไม่สิ้นหวัง เพราะได้เห็นพลังและความตั้งใจอย่างแรงกล้าของคนหนุ่มสาวรุ่นแล้วรุ่นเล่า ที่อุทิศความสุขส่วนตัวเพื่อสร้างสังคมที่เท่าเทียม ถ้าเป็นไปได้ ขอให้ถือว่าข้อเขียนชิ้นนี้เป็นการถ่ายทอดบทเรียนจากการต่อสู้เพื่อสังคมที่ดีกว่าของคนรุ่นก่อนหน้า ผิดถูกอย่างไรโปรดจงนำไปอภิปราย เพื่อแสวงหาแนวทางที่เหมาะสมสำหรับการเปลี่ยนแปลงสังคมไทยต่อไป
ท้ายที่สุด ความมืดมนจะต้องผ่านไป และยาม ‘อรุณรุ่งฟ้า’ อย่างที่คนไทยรอคอยมายาวนานจะมาถึง”
________________________________
สั่งซื้อหนังสือ >>> คลิก
หน้าที่เข้าชม | 198,891 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 132,162 ครั้ง |
เปิดร้าน | 8 เม.ย. 2563 |
ร้านค้าอัพเดท | 22 ต.ค. 2568 |