นันทิพัฒน์ พรเลิศ เขียน
หากจะให้นิยามว่าหนังสือเรื่อง Conatus: ชีวิตและอำนาจควบคุมชีวิตในระบบทุนนิยมแห่งศตวรรษที่ 21 เปรียบเหมือนสิ่งใดและมีคุณค่าต่อการอ่านอย่างไร อาจกล่าวได้ว่าเป็นหนังสือที่ไม่อาจนิยามได้แยกขาดจากหนังสือฉบับก่อนหน้าของอาจารย์เก่งกิจ กิติเรียงลาภเรื่อง Autonomia: ทุนนิยมความรับรู้ แรงงานอวัตถุ การเมืองของการปฏิวัติ ที่ถ้าหาก Autonomia เปรียบเสมือน “เครื่องมือ” ที่ใช้ในการวิเคราะห์สภาพการณ์ที่เป็นจริงเพื่อการต่อสู้กับระบอบทุนนิยมความรับรู้ในยุคปัจจุบันที่ขยายตัวเข้าไปท้าทายในทุกมิติของสังคมไม่ว่าจะเป็นมิติเชิงเศรษฐศาสตร์การเมือง มิติทางเพศ หรือมิติทางจิตวิทยา Conatus ก็เปรียบเสมือน “อุปกรณ์เสริม” ที่ช่วยในการตั้งหลักแก่ “เรา” ทุกคนที่กำลังดำเนินชีวิตเพื่อแสวงหาหนทางในการต่อสู้กับระบอบทุนนิยมให้เข้มแข็งและมีทิศทางมากขึ้น โดยบทความนี้จะแบ่งการวิพากษ์หนังสือออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่การมอง Conatus เปรียบเสมือนเลนส์แว่นที่ช่วยปรับให้มองเห็นชีวิตในการรับมือกับระบอบทุนนิยมความรับรู้ได้ชัดขึ้น และการมอง Conatus เปรียบเหมือนเข็มทิศที่ช่วยกำหนดทิศทางการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึงในทศวรรษใหม่ที่พึ่งเริ่มต้นขึ้นนี้
Conatus ในฐานะเลนส์แว่นมองชีวิต
กล่าวได้ว่า หากเปรียบการอ่านหนังสือ Autonomia เสมือนการทำให้เราเห็น “อาการ” ของ (โรค) ระบอบทุนนิยมความรับรู้ที่แพร่กระจายตัวอยู่ในทุกอณูของชีวิตจนเสมือนเราไม่อาจหลุดพ้นจากสภาวะที่เป็นอยู่ การอ่านหนังสือ Conatus นั้นแม้อาจมิใช่ “ยารักษาโรค” ที่จะช่วยให้เราสามารถหลุดพ้นจากอาการ แต่ Conatus นั้นเปรียบเป็นเลนส์แว่นที่ช่วยปรับโลกทัศน์ในการวิเคราะห์มุมมองของชีวิตที่พึงมีในการรับมือต่อปัญหาของระบอบทุนนิยมของโลกในศตวรรษที่ 21 อย่างหลังมือเป็นหน้ามือ กล่าวในแง่นี้ การอ่านหนังสือเล่มนี้ช่วยให้เราปรับโลกทัศน์ต่อชีวิตได้อย่างน้อยใน 2 แง่มุม
แง่มุมแรก หนังสือเล่มนี้ช่วยปรับและพลิกภววิทยาในการมองโลกและการใช้ชีวิตซึ่งแตกต่างจากสิ่งที่ระบอบทุนนิยมต้องการ กล่าวคือ หากระบอบทุนนิยมความรับรู้คือการครอบงำที่กำหนดให้เรารู้สึก “ขาด” และต้องการการเติมเต็มอย่างไม่มีที่สิ้นสุด จนทำให้เราทุกคนค่อย ๆ ถูกแบ่งแยกออกจากกันและรู้สึกถึงความไร้พลังอำนาจ การอ่านหนังสือเล่มนี้จะทำให้เราตระหนักว่าจริง ๆ แล้วเราทุกคนควรที่จะดำรงชีวิตโดยอยู่บนพื้นฐานของ Conatus ที่แปลคร่าว ๆ ว่าความปรารถนาที่เราพึงจะมีศักยภาพในการดำเนินชีวิตซึ่งมีความหลากหลายไม่เหมือนกัน แต่การตระหนักถึงความหลากหลายในแง่นี้ก็จะทำให้เราตระหนักถึงความมีพลังร่วมกัน และทำให้ชีวิตของเรายังคงมีความหวังในการต่อต้านระบบทุนนิยมแทนที่จะรู้สึกสิ้นหวังแบบที่ระบอบทุนนิยมต้องการ
แง่มุมที่สอง การมีความหวังและความปรารถนาทำให้เราจะตระหนักถึง “พลัง” ในการกำหนดชีวิตของเราเองโดยไม่ให้มีอำนาจใดมากำหนด กล่าวคือ หากชีวิตคือการกำหนดความปรารถนาด้วยพวกเราเอง เราก็ควรใช้พลังดังกล่าวในการร่วมกันกำหนดชีวิตตัวเองจากเบื้องล่างให้สั่นสะท้านไปถึงเบื้องบน มิใช่รอคอยอย่างเชื่อง ๆ ต่อพลังแห่งโชคชะตาจากเบื้องบนไม่ว่าจะเป็นพลังแห่งพระเจ้า กษัตริย์ นายทุน หรือแม้แต่รัฐชาติเป็นผู้คอยชี้ทางสว่างจากบนลงล่าง กล่าวในแง่นี้ เราทุกคนในฐานะ “พหุชน” (Multitude) จึงมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงด้วยตัวเราเอง ในการเปลี่ยนสภาพที่นักสัจนิยมมักกล่าวว่าโครงสร้างแห่งความเหลื่อมล้ำหรือสิ่งที่เป็นอยู่นั้นจะเป็นเช่นนั้นและจริงแท้แน่นอน (Being) ให้กลายเป็นสภาพที่เราสามารถฉีกกรอบเดิม ๆ และก้าวไปสู่เส้นทางใหม่ที่ดีและยุติธรรมต่อเราทุกคนกว่าเดิมโดยไม่มีกรอบตายตัว (Becoming)
Conatus ในฐานะเข็มทิศในการต่อสู้ในทศวรรษใหม่
นอกจากหนังสือเล่มนี้จะเป็นเลนส์ปรับโลกทัศน์ของชีวิตเรา Conatus ยังเปรียบเสมือนเข็มทิศที่จะช่วยให้เราเห็นปัญหาและกำหนดทิศทางในการต่อกรกับอำนาจทุนนิยมความรับรู้ที่ควบคุมชีวิตได้ดีขึ้น กล่าวคือ หนังสือจะชี้ให้เราเห็นว่าระบอบทุนนิยมความรับรู้ซึ่งถูกกำกับด้วยแนวคิดแบบลัทธิเสรีนิยมใหม่ไม่เพียงจะควบคุมชีวิตเราแค่ในเชิงกายภาพที่บังคับให้เราต้องทำงานอย่างไม่หยุดหย่อน แต่ทิศทางการทำงานของระบอบทุนนิยมนี้มันทำงานเข้าไปถึงระบบจิตสำนึกของเราที่ชีวิตและความเป็นความตายของเรานั้นต้องผูกอยู่กับระบอบทุนนิยมการเงิน ค่าเช่า และการเป็นหนี้ เมื่อเป็นเช่นนั้น จิตสำนึกของเราจึงถูกกระตุ้นให้ต้องขยันและขยันเพื่อทำงานใช้จ่ายหนี้และค่าเช่าอย่างไม่มีหยุดหย่อน กอปรกับการถูกซ้ำเติมด้วยระบบรัฐสวัสดิการที่พังทลายและการสยายปีกของอำนาจทุนจึงยิ่งทำให้ชีวิตของเรานั้นสิ้นหวังและไร้พลังเมื่อต้องเผชิญความล้มเหลวโดยที่องคาพยพรัฐและทุนลอยตัวและไม่เคยเหลียวแล และนี่คือสภาพที่อำนาจทุนได้ควบคุมทั้งชีวิตและจิตสำนึกอย่างถึงรากและเสมือนไร้ทางออก
แม้เส้นทางแห่งการแก้ปัญหาดังกล่าวจะดูยากลำบาก อย่างไรก็ตาม การเห็นปัญหาจากหนังสือนี้นั้นก็เปรียบเหมือนการมีเข็มทิศที่จะทำให้เรารู้ว่าเราควรเดินทางไปทางไหน และทำให้การตระหนักรู้ถึงศักยภาพในชีวิตของเราและการมุ่งหน้าสร้างความเปลี่ยนแปลงเพื่อจะแก้ปัญหาของระบอบทุนนิยมผ่านการดำเนินการ “ปฏิวัติ” สังคมนั้นหาใช่เป็นทางเลือกที่ตายไปแล้วในศตวรรษที่ 20 หากแต่เป็นทางเลือกที่ศตวรรษที่ 21 กำลังต้องการอยู่เช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อเราพิจารณาถึงสภาพการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันที่ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและทางการเมืองขยายตัวอย่างรุนแรงทั้งในไทยและในระดับโลก ผู้คนขาดหลักประกันทางสังคมที่มั่นคง ซ้ำยังถูกซ้ำเติมด้วยปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ความเหลื่อมล้ำถูกเปลือยประจานอย่างไม่ต้องเหนียมอาย เมื่อกอปรกับปัญหาของทุนนิยมความรับรู้ที่กัดกินพวกเราอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันมาก่อนอยู่แล้ว อาจกล่าวได้ว่า ถึงเวลาแล้วที่เราต้องตระหนักในศักยภาพของทุกคนที่จะรวมตัวกันเพื่อเปลี่ยนแปลงความผุพังของปัจจุบันให้กลายเป็นสิ่งอื่นที่ดีขึ้น โดยเคารพความปรารถนาที่หลากหลายของคนทุกกลุ่มทุกอัตลักษณ์ไม่ว่าจะเป็นเฟมินิสต์ นักสิ่งแวดล้อม นักศึกษา หรือสามัญชน และควรบอกกล่าวให้นักสัจนิยมที่พร่ำบอกให้เรายอมจำนนต่อโครงสร้างที่เป็นอยู่นั้นจงลืมตาตื่นจากภาพลวงตาของทุนนิยมเหล่านั้น และตระหนักถึงชีวิตที่แท้จริง ชีวิตที่มีความปรารถนาและศักยภาพแห่ง Conatus ซึ่งควรค่าแก่การเป็นสภาพจริงแห่งทศวรรษใหม่ที่กำลังเริ่มได้แล้วเสียทีก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป กล่าวในแง่นี้ หนังสือ Conatus จึงนับเป็นหนังสือที่จุดประกายความปรารถนา อันควรมีติดตัวไว้อย่างแท้จริง
สั่งซื้อหนังสือ > คลิก