โดย คงกฤช ไตรยวงค์
ชาร์ลส์ โบดแลร์ (Charles Baudelaire) คือกวีสมัยใหม่นามอุโฆษชาวฝรั่งเศสในศตวรรษที่ 19 ที่สำคัญเขายังเป็นนักวิจารณ์ศิลปะคนสำคัญอีกด้วย งานที่ชื่อ “จิตรกรแห่งชีวิตสมัยใหม่” (“Le Peintre de La Vie Moderne”) มีความสำคัญในแง่การตีความงานจิตรกรรมของกงสต็องแต็ง กียส์ ศิลปินร่วมสมัยเพื่อฉายภาพชีวิตสมัยใหม่ช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ที่ถ่ายทอดผ่านงานจิตรกรรม น่ายินดีอย่างยิ่งที่รติพร ชัยปิยะพร แปลออกมา โดยมีนักวิชาการอย่างชัยวัฒน์ ฤกษ์ชัยศรี เป็นบรรณาธิการ และสำนักพิมพ์ Illuminations Editions ได้จัดพิมพ์หนังสือ จิตรกรแห่งชีวิตสมัยใหม่ ออกมาเป็นรูปเล่มสวยงาม ซึ่งเป็นผลงานออกแบบปกและรูปเล่มโดยกิตติพล สรัคคานนท์ นอกจากข้อเขียนชื่อเดียวกับหนังสือแล้ว ยังมีข้อเขียนที่ชื่อ “ผลงานและชีวิตของเออแฌน เดอลาครัวซ์” และ “ซาลงปี ค.ศ. 1859” อีกด้วย
รูปที่ 1. Portrait of Baldassare Castiglione, ค.ศ.1514-1515 ของราฟาเอล (Raphael) ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ เป็นภาพเหมือนบุคคล (Portrait) ที่มีชื่อเสียงที่สุดภาพหนึ่งของราฟาเอล อันอาจเป็นตัวอย่างของงานศิลปะชิ้นเอกที่โบดแลร์ได้กล่าวถึง (ที่มา: Wikimedia Commons)
รูปที่ 2. Scene in the Tuileries: The Watering Cart, ค.ศ.1760 ของกาเบรียล เดอ เซนต์-ออบิน (Gabriel de Saint-Aubin); โบดแลร์ชื่นชมงานของเซนต์-ออบินเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการสเก็ตซ์ภาพที่แสดงให้เห็นการเคลื่อนที่และความฉับพลัน (ที่นี่และตอนนี้) อันจะเป็นคุณสมบัติเดียวกันที่มีอยู่ในงานของกงสต็องแต็ง กียส์ (Constantin Guys) ตามที่เขาจะกล่าวถึงต่อไป (ที่มา: Wikimedia Commons)
โบดแลร์เห็นว่า ความงามมีองค์ประกอบที่อยู่เหนือกาลเวลาและไม่เปลี่ยนแปลง ขณะเดียวกันก็ผูกโยงอยู่กับยุคสมัย ซึ่งถือเป็นจิตวิญญาณของศิลปะ ศิลปินมีหน้าที่ถ่ายทอดความงามนี้ออกมา เขาเห็นว่า กงสต็องแต็ง กียส์ ที่เขาเรียกว่าเมอสิเยอร์ G เป็นศิลปินที่มีสถานะเป็นคนของโลกซึ่งหมายถึงการเข้าใจความเร้นลับของโลก โดยมีจุดเริ่มต้นคือความสงสัยใคร่รู้ เหมือนเด็กในร่างผู้ใหญ่ที่เห็นทุกอย่างเป็นสิ่งใหม่และทำให้มองชีวิตได้อย่างแหลมคม ศิลปินคือแดนดี้ (Dandy) ที่มีลักษณะของผู้สังเกตการณ์และถ่ายทอดลักษณะทางจิตใจออกมาเป็น “ภาพ”
รูปที่ 3. กงสต็องแต็ง กียส์ (1802-1892) ที่โบดแลร์ยกย่องว่าเป็นจิตรกรแห่งชีวิตสมัยใหม่
จิตรกรที่เป็นคนของโลกย่อมมีสายตามองหายุคสมัยใหม่ ด้วยการพิจารณาเสื้อผ้า โดยสกัดเอาความงามอันเร้นลับออกมาจากเครื่องแต่งกายสมัยใหม่ รวมทั้งอากัปกิริยา สีหน้าและรอยยิ้มที่ในแต่ละยุคสมัยผู้คนมีลักษณะเฉพาะตัว ศิลปินอาศัยความทรงจำและจินตนาการ หรือการวาดภาพจากความทรงจำ เพื่อแสดงถึงสิ่งที่จับต้องหรือรับรู้ได้ระดับจิตวิญญาณ โดยที่ผู้ชมเป็นนักแปลสาร ตัวอย่างเช่นภาพสงครามที่เขาจดจำและนำมาคิดต่อ เพื่อแสดงให้เห็นถึงอากัปกิริยาต่างๆของทหาร ที่เมอสิเยอร์ G วาดจากสถานที่จริงแล้วส่งไปเป็นภาพประกอบลงในนิตยสาร นอกจากนี้ ภาพจิตรกรรมของเมอสิเยอร์ G ยังสะท้อนถึงภาพสโมสร พิธีการสำคัญในปี 1848 ซึ่งเป็นหัวเรื่องและทำเป็นภาพพิมพ์ใน Illustrated London News
รูปที่ 4. กงสต็องแต็ง กีย์, Meeting in the Park, ค.ศ.1860, (ที่มา:Wikimedia Commons)
นอกจากนี้ เมอสิเยอร์ G ยังวาดความงามของสตรี โบดแลร์เห็นว่า สตรีคือผู้ที่มีความเร้นลับ คือไม่อาจสื่อสาร ไม่มีความคิด ขณะเดียวกันก็ไม่ใช่อนันตภาพของพระเจ้า งานศิลปะคือตัวกลางระหว่างโลกของสตรีและตัวของสตรี การแต่งกายและการแต่งหน้าเป็นความงามของผู้หญิงที่มีความสำคัญ โบดแลร์เห็นว่า ความชั่วร้ายเป็นสิ่งที่เป็นไปเองตามธรรมชาติ ส่วนคุณธรรมเป็นเรื่องที่ประดิษฐ์ขึ้นมา เครื่องแต่งกายแสดงให้เห็นด้านสูงส่งของมนุษย์ นั่นคือ ความสดใสและมีชีวิตชีวา ธรรมชาติที่ไร้การปรุงแต่งคือความเสื่อมทราม การแต่งหน้าด้วยแป้งเป็นการกลบเกลื่อนตำหนิที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมานั่นเอง ในแง่นี้ ศิลปะไม่ใช่การลอกแบบธรรมชาติ การแต่งหน้าไม่ใช่การอำพรางตัวเอง แต่เป็นการแสดงออก
รูปที่ 5. กงสต็องแต็ง กีย์, Woman with a Parasol, ค.ศ.1860-1865, (ที่มา:Wikimedia Commons)
สำหรับโบดแลร์แล้ว เมอสิเยอร์ G นำเสนอความงามจากความชั่วร้าย ศิลปินในฐานะคนของโลกแสดงภาพชีวิตที่ชั่วร้ายของยุคสมัยผ่านงานจิตรกรรม อาทิ ชีวิตสมัยใหม่ของปารีสที่เห็นผ่านความหลงตัวเองแบบแดนดี้ ชีวิตคนชั้นล่าง โสเภณี คนใช้ ขอทาน หัวขโมย ในแง่นี้ ความโศกหมอง (melancholy) แบบโบดแลร์ไม่ใช่การคร่ำครวญสงสารตัวเอง แต่เป็นการโหยหาสิ่งใหม่ (the New) ดังจะเห็นได้จากการที่เขาชื่นชมสายตาที่มองหาสิ่งใหม่ของจิตรกร
โยเซฟ อาควิสโต (Joseph Acquisto) ศาสตราจารย์ด้านวรรณคดีฝรั่งเศส เห็นว่างานของโบดแลร์มีลักษณะปฏิทรรศน์ (paradox) นั่นคือ แสดงถึงทวิลักษณะของสิ่งต่างๆ ทั้งความดีและความชั่ว พระเจ้ากับซาตาน ซึ่งสอดคล้องกับบทบาทของงานศิลปะที่มีลักษณะแปร่งแย้ง (dissonant) ที่อะดอร์โนกล่าวไว้ในความหมายกว้าง คำถามที่ว่าโบดแลร์ร่วมสมัยกับเราหรือไม่ สามารถพิจารณาได้จากวิธีที่เขาสัมพันธ์กับอดีต การสะท้อนคิดเกี่ยวกับงานศิลปะ และบริบททางประวัติศาสตร์ที่นำไปสู่การเป็นแหล่งอ้างอิงของการวิพากษ์หรือการสะท้อนถึงความแปร่งแย้ง ในข้อเขียนเกี่ยวกับงานศิลปะของโบดแลร์แสดงให้เห็นว่า งานศิลปะไม่ใช่สิ่งที่มีลักษณะโดยตรงและทันที (immediate) ที่แต่สื่อผ่านการเปลี่ยนผ่านของยุคสมัยในสังคม ในแง่นี้ อาควิสโตเห็นว่า การอ่านข้อเขียนเกี่ยวกับงานศิลปะของโบดแลร์ไม่ใช่เป็นเพียส่วนเสริม หากแต่เป็นส่วนสำคัญต่อการทำความเข้าใจกวีนิพนธ์ของเขาด้วยซ้ำไป
รูปที่ 6. ชาร์ลส์ โบดแลร์ กับงานชิ้นต่าง ๆ ของกงสต็องแต็ง กีย์
อาควิสโตได้ชี้ประเด็นสำคัญในงานของของโบดแลร์ที่ว่า ศิลปะมีทวิลักษณะเช่นเดียวกับชีวิตมนุษย์ ดังที่ อะแลง วายยองต์ (Alain Vaillant) นักวิจารณ์วรรณกรรมชาวฝรั่งเศสชี้ว่า การที่โบดแลร์ปฏิเสธธรรมชาตินั้น เป็นเพราะธรรมชาติมีความเป็นหนึ่ง (singular) ไม่ได้มีทวิลักษณะ การปฏิเสธธรรมชาติอาจจะเป็นแก่นแท้ของงานศิลปะก็เป็นได้ ดังจะเห็นได้จากข้อเขียน “จิตรกรแห่งชีวิตสมัยใหม่” ที่โบดแลร์ชื่นชมการแต่งหน้าของผู้หญิง และรังเกียจการอ้างความเป็นธรรมชาติ ดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น ปฏิสัมพันธ์ระหว่างความเป็นหนึ่งกับความหลากหลาย เป็นสิ่งจำเป็นในตัวงานศิลปะ กับการตีความ ซึ่งขณะเดียวกันก็สะท้อนปฏิสัมพันธ์ระหว่างความเป็นนิรันดร์กับความชั่วคราว ซึ่งเป็นลักษณะสำคัญของสมัยใหม่ กล่าวอีกนัยหนึ่ง งานของศิลปินในฐานะของคนของโลกก็คือการแสดงถึงความเป็นนิรันดร์ในความชั่วคราว (tirer l’éternel du transitore)
รูปที่ 7. โยเซฟ อาควิสโต ผู้เขียนหนังสือ Reading Baudelaire with Adorno: Dissonance, Subjectivity, Transcendence
ใน Aesthetic Theory อะดอร์โนชี้ให้เห็นว่า ศิลปินคือผู้ที่ลงแรงทำงานกับวัตถุ ตัวตนของศิลปินถูกถ่ายทอดในตัวงาน ผ่านการปลุกปล้ำทำงานกับวัตถุ (material) ต่าง ๆ เช่น วัสดุ กรณีของจิตรกรคือสี พู่กัน แคนวาส เทคนิควิธีต่าง ๆ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในบริบทประวัติศาสตร์ที่มีความสัมพันธ์ทางการผลิตที่แตกต่างกัน การยกยอศิลปินว่าเป็นอัจฉริยบุคคล มีสถานะกึ่งเทพหรือออกแนวบ้าๆ บอ ๆ จึงเป็นแค่ชีวประวัติขยะ (a kitsch biography) อย่างไรก็ตาม ข้อเขียนของโบดแลร์ห่างไกลจากชีวประวัติในลักษณะนี้ เพราะเขาชี้ให้เห็นความงามของจิตรกรรมของกงสต็องแต็ง กียส์ หรือที่เขาเรียกว่า เมอสิเยอร์ G ผ่านการวิเคราะห์ตัวงานที่สัมพันธ์กับความชั่วคราวของ “ตอนนี้”
ถ้าจะถามว่า ข้อเขียน “จิตรกรแห่งชีวิตสมัยใหม่” ของโบดแลร์ ร่วมสมัยกับคนไทยเราหรือไม่อย่างไร ก็คงตอบได้ว่า ข้อเขียนชิ้นนี้ทำให้เราเห็นความเป็นไปได้แบบอื่นที่เราจะสัมพันธ์กับอดีต การสะท้อนคิดเกี่ยวกับงานศิลปะ และการหาแนวทางวิพากษ์; ศิลปะเพื่อศิลปะแบบโบดแลร์ไม่ได้ตัดขาดจากชีวิตทางสังคม ตรงข้ามด้วยซ้ำ เขาเห็นความสำคัญของกวี (หรือศิลปิน) ชั้นรอง การมองหาความงามของสิ่งที่ตกทอดมาจากอดีต ไม่ใช่การสมยอมต่อประเพณี รวมทั้งการแสดงให้เห็นถึงทวิลักษณะของชีวิตและสังคม หรือความแปร่งแย้ง กลับจะกลายเป็นพลังในการวิพากษ์วิจารณ์สังคมด้วยซ้ำ ข้อเขียนชิ้นนี้ของโบดแลร์จึงชวนให้คิดว่า การวิจารณ์ศิลปะไม่ใช่เงื่อนไขเบื้องต้นที่จะนำไปสู่การวิจารณ์สังคมและการเมือง หากแต่เป็นการวิจารณ์ชีวิต สังคมและการเมืองในตัวมันเองตั้งแต่ต้น และแน่นอน สังคมไทยปัจจุบันยังขาดทั้งการวิพากษ์และวิจารณ์ที่ชี้ให้เห็นพยาธิสภาพของสังคม เราจึงตกหลุมหล่มเดิม ครั้งแล้วครั้งเล่า
____________________________________
รายการอ้างอิง
Acquisto, Joseph, (2023) Reading Baudelaire with Adorno: Dissonance, Subjectivity, Transcendence, London: Bloomsbury.
Adorno, W. Theodore, (2022) Aesthetic Theory, trans. by Robert Hullot-Kentor. London: Bloomsbury.
Benjamin, Walter, (1978) “Paris, Capital of the Nineteenth Century” in Reflections: Essays, Aphorisms, Autobiographical Writings, trans. Edmund Jephcott, New York: Schocken Books.
ชาร์ลส์ โบดแลร์, (2566) “จิตรกรแห่งชีวิตสมัยใหม่,” ใน จิตรกรรมแห่งชีวิตสมัยใหม่, รติพร ชัยปิยะพร แปล, ชัยวัฒน์ ฤกษ์ชัยศรี บก. กรุงเทพฯ: Illuminations Editions.
หน้าที่เข้าชม | 198,891 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 132,162 ครั้ง |
เปิดร้าน | 8 เม.ย. 2563 |
ร้านค้าอัพเดท | 22 ต.ค. 2568 |